ปมฮั้ว ส.ว. เดือด! นัดถก 17 ก.ค. พบผู้สมัครรับเงินมาโหวต-ไม่รู้เบื้องหลังขบวนการ
จากกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 24/2568 กรณีความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) รวมถึงผู้ที่เป็นสมาชิกอั้งยี่และผู้สนับสนุน หรือคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สว. ได้สืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ลงพื้นที่และจำลองเหตุการณ์ อิมแพ็ค ฟอรัม ฮอลล์ 4 เมืองทองธานี จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ใช้เลือก สว. ระดับประเทศ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.67 เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปจัดทำเป็นระบบแผนที่อัจฉริยะ GEO-AI คือ การใช้ AI และระบบภูมิสารสนเทศ (Geospatial Technology) ในการแสดงเหตุการณ์การเลือก สว. ระดับประเทศ พิจารณาพฤติกรรมกลุ่มบุคคลที่ปกปิดวิธีการดำเนินการและความมุ่งหมาย เพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมายในการเลือก สว. อีกทั้งยังใช้ระบบ AI ในการตรวจจับใบลงคะแนนที่มีลักษณะผิดปกติ เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมการกาหมายเลขชุดเรียงกันซ้ำๆ หลายฉบับ หรือโหวตลงคะแนนตามโพย กระทั่งมีการสืบสวนเส้นทางการเงินจากรายการเดินบัญชีของธนาคาร ตามคำให้การของพยานรายสำคัญที่รู้เห็นขบวนการฮั้ว จนพบบุคคลกลุ่มแรก จำนวน 7 ราย มีเส้นทางการเงินใกล้ชิดกับขบวนการจัดฮั้ว สว. คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จึงออกหมายเรียกพยานลอตแรกนี้ เพื่อสอบสวนปากคำตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.68 เป็นต้นไป รวมถึงล่าสุดได้มีการออกหมายเรียกพยานเพิ่มอีก 5 ราย รวมเป็น 12 ราย ตามที่มีการรายงานข่าวไปอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 17 ก.ค. พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าในส่วนของคดี สว. ที่อยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอ จะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 17 ก.ค.นี้ โดยจะเป็นการประชุมร่วมกันของคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ฐานความผิดอั้งยี่-ฟอกเงิน สว. ซึ่งวัตถุประสงค์ของการประชุมก็เพื่อกำหนดแนวทางขั้นตอนต่อไป เนื่องจากในการสอบสวนปากคำพยานที่ผ่านมา ดีเอสไอพบว่าบุคคลที่เป็นสมาชิกในกลุ่มที่ร่วมกันกระทำครั้งนี้ค่อนข้างมีจำนวนมาก และส่วนใหญ่เป็นคนที่ไปรับเงินแล้วมาลงสมัครรับเลือก สว. เพื่อไปโหวตบุคคลอื่นโดยที่ไม่เลือกตัวเอง จึงต้องหารือว่าจะใช้วิธีการหาพยานหลักฐานอย่างไรบ้าง หรือจะสอบสวนปากคำเพิ่มอีกกี่ราย
พ.ต.ต.ยุทธนา เผยอีกว่า หากถามว่าเป็นการกระทำความผิดหรือไม่ ก็ต้องเรียนว่ามีการกระทำความผิดจริง แต่ก็ต้องพิจารณาว่าเป็นการกระทำความผิดในส่วนไหน เพราะเขาอาจจะรู้หรือไม่รู้ก็เป็นได้ อาจรับเงินมาเพื่อลงสมัคร สว. แต่อาจไม่รู้ว่ากระบวนการนี้มันมีจุดประสงค์เพื่อต้องการ สว. คนเหล่านี้อาจไม่ได้รู้ครบทั้งวงจร ดังนั้น เราจึงนัดประชุมหารือคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ว่าจากพยานหลักฐานที่เรารวบรวมมาถึงตอนนี้มันมีข้อเท็จจริงรับฟังอย่างไรได้บ้าง และจะพิจารณาจำนวนการสอบสวนปากคำอย่างไรต่อไป ขณะที่กรณีความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอไปร่วมสอบสวนกับ กกต. ทราบว่าอยู่ระหว่างขั้นตอนสรุปข้อมูลและพยานหลักฐาน
เมื่อถามว่าในส่วนของสำนวนที่คณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 (กกต.) ดำเนินการอยู่นั้น มีรายชื่อของกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยรวมอยู่ด้วยในคดีฮั้ว สว. เช่นนี้ในสำนวนคดีอาญาที่ดีเอสไอรับผิดชอบ ฐานอั้งยี่-ฟอกเงิน จะต้องเชิญมาสอบปากคำด้วยหรือไม่นั้น พ.ต.ต.ยุทธนา ยืนยันว่า หากพยานหลักฐานเชื่อมโยงถึงก็จำเป็นต้องเชิญมาให้ข้อมูล ซึ่งเราต้องเชิญทั้งหมด เพราะมันสอดคล้องกับของสำนวน กกต.