รบ.ชวนปชช.สวม“เสื้อเหลือง”เดือนมหามงคล
“รัฐบาล”เชิญชวน ส่วนราชการและประชาชน “สวมเสื้อสีเหลือง”ในเดือนมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”
เมื่อวันที่ 22 ก.ค.68 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในที่ประชุม ดังนี้ในเดือนมหามงคลนี้ ขอให้ส่วนราชการร่วมแสดงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2568 นี้ รัฐบาลจึงขอความร่วมมือให้ทุกหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานความมั่นคง ภาคเอกชนและประชาชน พร้อมใจกันแต่งกายด้วยเสื้อสีเหลืองเพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันตั้งแต่วันจันทร์ที่ 28กรกฎาคม 2568 ถึงวันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม 2568
ข้อสั่งการที่ 2 เรื่องการสื่อสารของหน่วยงานภาครัฐ เนื่องจากการสื่อสารของประชาชนในยุคดิจิทัล ปัจจุบันสื่อ social media มีอิทธิพลต่อการรับรู้ของประชาชนอย่างมาก ทำให้การรับทราบปัญหา เหตุด่วนเหตุร้ายดำเนินด้วยความรวดเร็วทันการณ์ แต่ในอีกด้านหนึ่งข่าวสารที่เผยแพร่อย่างรวดเร็วอาจขาดการตรวจสอบกลั่นกรอง ดังนั้น ในฐานะที่หน่วยงานของรัฐ ต้องเป็นผู้ตอบสนองแก้ไขปัญหา จึงขอให้ปรับปรุงให้ทันต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน รับการแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายต่าง ๆ เพื่อให้แก้ไขเหตุการณ์ต่าง ๆ อย่างทันการณ์
โดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม ระบุสถานที่ เหตุการณ์ ผู้แจ้งให้ชัดเจน แก้ไขทันเวลา สามารถตรวจสอบได้ โดยเฉพาะการพิจารณาใช้ทราฟฟี่ ฟองดูว์ (Traffy Fondue) ที่ กทม. และหน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงานใช้อย่างได้ผลมาแล้ว ส่วนการแจ้งเบาะแสอาชญากรรม เช่น ยาเสพติด อาชญากรรมออนไลน์ คอรัปชั่น เป็นต้น ต้องให้หลักประกันความปลอดภัยแก่ประชาชนและผู้แจ้งเบาะแสให้ดีที่สุด ส่วนการปล่อยข่าวเท็จ
และข่าวลือ ขอให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดใน social media และเร่งการแก้ไขชี้แจงให้ทันเวลา ก่อนที่จะแพร่ออกไปจนสร้างความสับสนในสังคม สำหรับการประชาสัมพันธ์ผลงาน ตามนโยบายของรัฐบาล ขอให้สื่อสารประชาสัมพันธ์อย่างถูกต้อง ชัดเจน และรายงานความคืบหน้าเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง ขอให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีร่วมกับโฆษกประจำสำนักนายกฯ ประสานหน่วยงานภาครัฐดำเนินการเชิงรุก กระชับการดำเนินงานเรื่องการสื่อสารของหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ ด้วย
นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า ในช่วงหน้าฝนจะมีสถานการณ์ น้ำท่วมและอุบัติภัย โดยสัปดาห์นี้ เกิดพายุวิภา และมรสุมตะวันตก ทำให้เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ อาทิ ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน ส่งผลให้เกิดน้ำท่วม อาคารบ้านเรือนพังเสียหาย จึงขอให้กรมอุตุฯ กรมทรัพยากรธรณี กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมประชาสัมพันธ์ และหน่วยราชการในพื้นที่ ร่วมกันทำงานอย่างใกล้ชิด เน้นการเตือนภัยและเร่งช่วยเหลือแก้ไขให้ทันต่อสถานการณ์ การปรับเตือนภัยเฉพาะพื้นที่ด้วย cell broadcast และสื่อสารกับประชาชนในพื้นที่อย่างใกล้ชิดต่อไป
น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช. มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมพร้อมรับมือพายุวิภาว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ตรวจสอบเรื่องสถานการณ์พายุวิภาที่กำลังจะเคลื่อนผ่านประเทศไทยตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา และได้มีการส่งข้อความเตือนไปยังพื้นที่ให้รับทราบ รวมถึงมีการเตรียมความพร้อม ขณะนี้ในพื้นที่ภาคเหนือ โดย ปภ.ได้นำเครื่องจักร เครื่องสูบน้ำ และกำลังคน ระดมเข้าพื้นที่ที่มีความเสี่ยงแล้ว มีการจัดเตรียมศูนย์พักพิงเอาไว้ให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำและมีความเสี่ยงสูง สามารถย้ายเข้ามาได้ในทันที ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถจัดการได้ทันที ขณะที่ ปภ.ได้ตั้งวอร์รูม 24 ชั่วโมง หากเกิดปัญหาประชาชนสามารถโทรสายด่วน 1784 ได้ และให้อธิบดี ปภ.ลงพื้นที่ในขณะนี้ เพื่อให้เกิดความใกล้ชิด และอำนวยความสะดวกให้เกิดความรวดเร็ว
รมช.มหาดไทย กล่าวว่า ส่วนพื้นที่ที่เป็นปัญหามีในหลายพื้นที่ แต่ที่เห็นเป็นน้ำท่วมนั้นเกิดจากน้ำไหลหลากเข้ามาและจะผ่านไป ไม่ได้มีความเสียหายเกิดขึ้น และพี่น้องประชาชนได้เตรียมการพร้อมรับอยู่แล้ว
ส่วน นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงสถานการณ์พายุวิภาว่า ขณะนี้พายุเคลื่อนตัวจากประเทศจีนเข้าสู่ประเทศเวียดนาม และช่วงวันที่ 23-24 กรกฎาคมนี้ น่าจะเข้ามาใกล้กับประเทศไทย จะส่งผลให้มีพายุฝนฟ้าคะนองค่อนข้างหนัก อยากให้ประชาชนรับฟังการพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา เพื่อเตรียมรับมือ
เมื่อถามว่าพื้นที่ภาคเหนือที่พายุจะเข้า มีการเตรียมรับมืออย่างไรบ้าง นายประเสริฐกล่าวว่า จังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบคือจังหวัดเชียงรายและพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงภาคอีสานตอนบน ซึ่งในส่วนของเชียงรายหลายหน่วยงานได้เตรียมการรับมือ มีการทำพนังกั้นน้ำ วางกระสอบทราย ซึ่งเรามีประสบการณ์จากปีที่แล้ว ก็จะนำมาพัฒนาการรับมือให้ดีที่สุด และในส่วนของการแจ้งเตือนภัย เรายืนยันว่ามีความพร้อม ประชาชนจะได้รับข้อมูลที่ทันต่อสถานการณ์