ลุ้นวันนี้! พ่อแม่ ‘น้องเมย’ แฉยับสู้ 8 ปี เจอทั้ง ‘เงินทิพย์-อวัยวะDNAไม่ตรง’
จากกรณีที่ “นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์” หรือน้องเมย เสียชีวิตปริศนาเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 หลังกลับเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้ เพียงแค่ 1 วัน โดยแพทย์ระบุในใบรับรองการเสียชีวิตว่า เกิดจากหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน แต่คดีไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
'แม่น้องเมย' ปาดน้ำตารอฟังคำพิพากษาคดีลูกชาย เสียชีวิตหลังกลับเข้า รร.เตรียมทหารได้ 1 วัน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 22 ก.ค.2568 ที่บริเวณหน้าศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี นายพิเชษฐ์ ตัญกาญจน์ พร้อมด้วยนางสุกัลญา ตัญกาญจน์ พ่อ-แม่ของ นตท.ภัคพงค์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย ที่เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาหลังการถูกธำรงวินัยจนหมดสติและเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2560 หรือเป็นระยะเวลากว่า 8 ปีมาแล้วนั้น ในวันนี้ทั้งสองได้เดินทางมายังศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี หลังจากที่ได้มีการนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีแรกของ "เมย" ภคพงศ์ ซึ่งเป็นการต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมยาวนานเกือบ 8 ปี ในกระบวนการทางกฎหมายในชั้นสูงสุดของคดีอาญาหลักที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของน้องเมย
โดยบรรยากาศก่อนที่ทั้งสองจะเข้าไปยังศาลมณฑลทหารบกที่ 12 ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวอยู่ว่า ครอบครัวเดินทางต่อสู้เพื่อความยุติธรรม ให้กับน้องเมยมาตลอด 8 ปี และศาลชั้นต้นได้มีการพิพากษานักเรียนเตรียมทหารรุ่นพี่เป็นคดีทำร้ายร่างกาย คดีแรกนักเรียนบังคับบัญชาสั่งธำรงวินัยทำโทษในท่าที่ผิดกฎระเบียบโรงเรียน เราสู้ให้เขาจนวันนี้เราก็สู้ให้เขามา 8 ปี จนเรารู้ว่าสิ่งที่น้องเมยโดนกล่าวหาว่าผิดระบบเกียรติศักดิ์ เขาไม่เคยผิดและเขาไม่เคยโกหก จากคำสั่งศาลชั้นต้นและอุทธรณ์จนวันนี้ถึงฎีกาเราจะมาฟัง มันเป็นสิ่งที่ตนอยากจะบอกว่าเด็กคนหนึ่งโดนทำร้ายแล้วโดนทำร้ายอีกแม้แต่ตายยังไม่มีโอกาสพูด ยังโดนใส่ร้ายไปอีก วันนี้แม่มาร้องทุกข์แทนเขามาแก้แทนเขา และขอฟังคำสั่งฎีกาก่อนว่ายังไง ถ้าผลออกมาดีเมยเขาหลุดข้อกล่าวหาข้อครหานี้ที่ติดตัวเขาไปจนวันตายจนปัจจุบัน 8 ปี ตนจะได้สบายใจมันเป็นศักดิ์ศรีของลูกเรา
ทั้งสองยังเผยอีกว่า ในช่วงของชั้นศาลอุทธรณ์ ที่ให้ทางกลาโหมชดใช้ แต่ที่ผ่านมายังไม่ได้มีการชดใช้เลย แถมมีการปล่อยข่าวว่าทางเรารับเงินมาสองครั้ง ครั้งแรก 20 ล้านบาท ครั้งที่สอง 10 ล้านบาท อยากทราบว่าเขาเอาเงินตรงไหนมาให้ทางเรา คุยเขายังไม่มาคุยเลย เขายังไม่เคยให้เกียรติเราเลยสักนิด มีแต่พยายามปิดบังเรามาตลอด อีกทั้งคดีที่ สน.พญาไท ที่นายแพทย์คนหนึ่งที่เป็นคนผ่าศพคนแรก และไม่นำอวัยวะคืน ทางแม่ได้ไปแจ้งความที่ สน.พญาไท ตำรวจออกหมายเรียกไป 2 ครั้ง ไม่มา และตำรวจไม่กล้าออกหมายจับ ปัจจุบันนี้ 4 ปีแล้ว อวัยวะที่ได้คืนมาทางเราบอกว่าไม่ใช่ของลูกเราอย่างแน่นอน อวัยวะยังอยู่ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ทางคุณหมอได้ตรวจ DNA แล้ว DNA มันไม่เกี่ยวข้องกับเรา เรื่องนี้ต้องรอให้ทางหมอเป็นคนแจง ทางเราเคยขออวัยวะมาบำเพ็ญกุศล แต่หมอบอกเอาไปทำอะไร และพอได้มาพบว่าอวัยวะมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเราเลย ไปถามว่าเพราะอะไร เขาไม่ได้ตอบเขาพูดแค่นี้ เราเลยต้องทิ้งเอาไว้ที่นั่น
สุดท้ายทั้งสองยังได้ฝากถึงสื่อมวลชนและผู้ที่ติดตามข่าวของน้องเมย ที่ยังไม่ลืมครอบครัวของเรา วันนี้ครอบครัวขอฟังคำฎีกามีความคาดหวังว่าในวันนี้ยังมีความหวังเพียงแสงเล็กๆ ปลายอุโมงค์ก็ยังพร้อมที่จะเดินทางสู้ต่อไปเพื่อทวงศักดิ์ศรีของลูกกลับคืนมาให้ได้ ก่อนที่ทั้งสองจะกอดเพื่อให้กำลังใจกันก่อนที่จะขึ้นไปฟังคำพิพากษา