“อียู” ปกป้องข้อตกลงการค้ากับทรัมป์ หลังเจอกระแสตีกลับรุนแรง
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ว่า นางอัวร์ซูลา ฟอน แดร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ซึ่งเป็นฝ่ายบริหารของอียู บรรลุข้อตกลงทางการค้ากับทรัมป์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังเธอรีบเดินทางไปยังสกอตแลนด์ ก่อนที่สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีสูงลิ่ว ซึ่งอาจทำลายเศรษฐกิจของยุโรป เนื่องจากใกล้ถึงเส้นตายในวันที่ 1 ส.ค. นี้
ขณะนี้ การส่งออกของอียู เผชิญกับอัตราภาษีศุลกากร 15% ครอบคลุมสินค้าทุกประเภท รวมถึงสินค้าในอุตสาหกรรมยานยนต์ ยา และเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าอัตราภาษีก่อนที่ทรัมป์กลับเข้าสู่ทำเนียบขาว เมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา แต่ต่ำกว่าอัตราภาษี 30% ที่ผู้นำสหรัฐขู่ไว้
ด้านนายมาโรช เชฟโควิช ผู้เจรจาการค้าระดับสูงของอียู กล่าวกับนักข่าวว่า เขามั่นใจว่าข้อตกลงนี้ดีกว่าการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ และมันคือข้อตกลงที่ดีที่สุดสำหรับอียู ภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาจากประเทศสมาชิกต่าง ๆ ของอียู มีตั้งแต่นิ่งเงียบ ไปจนถึงแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน ดังเช่นนายฟรองซัวส์ เบย์รู นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ที่กล่าวว่ามันเป็น “วันที่มืดมน” สำหรับยุโรป และข้อตกลงข้างต้นเปรียบเสมือน “การยอมจำนน”
ขณะที่เชฟโควิช แก้ต่างแนวทางของฝ่ายบริหารอียูในกรุงบรัสเซลส์ว่า การไม่มีข้อตกลงใด ๆ กับสหรัฐ ส่งผลให้อียูต้องเผชิญกับอัตราภาษี 30% และความตึงเครียดที่อาจรุนแรงขึ้น ตลอดจนทำให้ยุโรปสูญเสียงานมากถึง 5 ล้านตำแหน่ง.
เครดิตภาพ : AFP