'ธนาธร' เรียกร้องสันติภาพชายแดนไทย-กัมพูชา เตือนรัฐบาลอย่าตกหลุมพราง
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์พิเศษในงาน "Exclusive Talk : ผ่าทางตันประเทศไทย Chapter 2" ฉลอง 55 ปี NATION ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์พญาไท เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 วิเคราะห์สถานการณ์ความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชาว่า เป็น "เกมกลยุทธ์" ของกัมพูชาที่มีเป้าหมายชัดเจน
นายวิเคราะห์ ให้รู้ทันว่า เกมของกัมพูชาคืออะไร เกมของกัมพูชาก็คือต้องการสร้างความได้เปรียบในเวทีโลก ผ่านศาลโลก ผ่านขบวนการของ UNGA (สมัชชาสหประชาชาติ) ของ UNSC (สภาความมั่นคงของสหประชาชาติ)
"กัมพูชาต้องการ ตีความชอบธรรมสร้างความชอบธรรมให้กับกัมพูชาเพื่อไปสู่จุดนั้น ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องการเขาต้องการยั่วยุอยู่แล้ว ต้องการยั่วยุให้เกิดความรุนแรงอยู่แล้ว" นายธนาธร กล่าว
เตือนไม่ให้ไทยตกหลุมพราง
นายธนาธรเน้นว่า ท่าทีของรัฐบาลไทยและกองทัพไทยต้อง "อดทน อดกลั้นเป็นผู้ใหญ่และไม่ไปตกหลุม"
"ถ้าเกิดว่าเราไปตกหลุม ทำให้เกิดสถานการณ์ของความขัดแย้งมันก่อตัวขึ้นมันไปสูงขึ้น มีการปะทะจนนำมาสู่การบาดเจ็บล้มตาย มีการใช้ความรุนแรงขึ้น เข้าทางเค้าเลย เค้าจะได้ความชอบธรรมในเวทีโลก ในเวทีของศาลโลก ในเวทีของ UNGA ในเวทีของ UNSC"
เรียกร้องใช้กลไกรัฐบาลพลเรือน
นายธนาธรเสนอทางออกโดยการใช้กลไก Joint Border Committee (JBC) ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของแต่ละประเทศมาเจรจากัน
"ต้องเร่งให้เกิดการใช้กลไกนี้ให้เร็วที่สุด เพื่อ normalize สถานการณ์ คือทำให้สถานการณ์กลับเป็นปกติ"
วิพากษ์รัฐบาลพลาดจุดสำคัญ
เมื่อถูกถามว่าทำไมสถานการณ์ถึงดูตึงเครียด นายธนาธรชี้ว่า รัฐบาลพลาดในเรื่องกรณีของคลิปเสียง ดังนั้นเพื่อที่จะแก้ปัญหาทางการเมืองของตัวเอง ดังนั้นเพื่อที่จะแก้โจทย์ตัวเอง จึงต้องทำกึงขังวันนี้ นี่คือหนึ่งในปัญหาใหม่ นี่คือสิ่งที่กลัวเบื้องหน้า เพราะท่าทีที่มันขึงขัง มันเกิดจากการที่คุณต้องการแก้ปัญหาทางการเมืองของคุณเอง แต่สิ่งที่เราต้องการวันนี้ เราต้องการลดความตึงเครียด เราต้องการลดความรุนแรง ผ่านโต๊ะเจรจาเพื่อไม่ให้เข้าทางเขา
แปลกใจการกลับมาของความไว้วางใจทหาร
นายธนาธร แสดงความกังวลต่อการที่ประชาชนเริ่มหันมาไว้วางใจทหารอีกครั้ง โดยอ้างถึงกรณีที่ นิด้าโพลออกมาเสนอให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี "ผมตกใจเรื่องการกลับเข้ามาของความไว้วางใจทหาร อันนี้เป็นสิ่งที่ผมกังวล"
เตือนอันตรายการปลูกฝังเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชัง
นายธนาธรเตือนถึงอันตรายของการใช้สถานการณ์สร้างอารมณ์ชาตินิยมที่ล้นเกินการใช้ความรู้สึก การใช้สถานการณ์มาสร้างอารมณ์ความรู้สึกชาตินิยมที่ล้นเกิน มันจะเป็นการนำไปสู่การสร้างความเกลียดชังในสังคม และเมื่อเมล็ดพันธุ์ของความเกลียดชังในสังคมมันเบ่งบานขึ้น มันเอาไม่ลง
เขายกตัวอย่างประวัติศาสตร์โลก ก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนเกิดนาซี เกิดอะไร ก็เรื่องนี้ เรื่อง อารยัน กับ ยิว ดังนั้นเมล็ดพันธุ์แห่งการแบ่งแยกผู้คน ที่ทำให้ผู้คนเกลียดกลัวกันระแวงกันด้วยการใช้ศาสนา ด้วยการใช้ชาติพันธุ์ มันนำมาสู่ความเกลียดชังกันเอง แล้วมันไม่เป็นผลดีกับใคร
เน้นความหลากหลายทางวัฒนธรรมของไทย
นายธนาธรย้ำถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมของประเทศไทย เพื่อให้เห็นความสำคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ประเทศไทยมีความหลากหลายเยอะมาก ริมชายแดนตะวันตกทั้งหมดเรามีลัวะ ม้ง กะเหรี่ยง อีสานทั้งหมดคือลาว ที่มุกดาหารมีเวียดนามด้วย ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ เดินข้ามฝั่งไปกันไปมาหาสู่กันพูดภาษาขะแมร์ ส่วน เจ้าพระยา 2 ฝั่งมีจีน มีเจ๊ก ลงไปข้างล่าง 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นมลายู
"สิ่งที่เราต้องการคือสันติภาพ การอยู่ร่วมกัน การเคารพในตัวตนของกันและกัน การเคารพในศรัทธาของกันและกัน เราไม่ได้ต้องการสงคราม"
นายธนาธรชี้ให้เห็นว่า "คนที่เดือดร้อนคือใคร คือคนตัวเล็กตัวน้อยที่อยู่หน้างานทั้ง 2 ฝั่ง แต่คนที่ปลูกฝังเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ และเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการเบ่งบานของเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชังที่นั่งอยู่ที่พนมเปญ นั่งอยู่ที่กรุงเทพฯ ไม่ได้เสียอะไร"
ส่งสาร 2 ฝ่าย
นายธนาธรปิดท้ายด้วยการส่งสาร อยากจะส่งเสียงของผมฝากถึงพี่น้องคนไทยว่าเราต้องการสันติภาพ นี่คือพี่น้อง การเดินข้ามถนนเดินข้ามพรมแดนก็พี่น้องกันแล้ว ความร่วมมือจะนำมาซึ่งการสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและความมั่นคงทางวัฒนธรรมที่ดีกว่า
"เราต้องส่งเสียงทั้ง 2 ฝ่าย ต้องส่งเสียงกับทางฝั่งนู้นด้วย แล้วก็ฝั่งนี้ด้วยว่าสิ่งที่เราแสวงหาร่วมกันคือความร่วมมือและสันติภาพ ไม่ใช่ความเกลียดชังและสงคราม ผมขอส่งเสียงให้ดังทั้ง 2 ฝ่ายเรื่องนี้"