ศึกชิงเค้กสุกี้ 2 หมื่นล้านเดือด! MK ปะทะ JMART ส่ง "โบนัสสุกี้" บุกตลาดบุฟเฟต์ท้าชน "ตี๋น้อย" ใครได้เปรียบในเกมนี้?
ศึกสุกี้บุฟเฟต์สะเทือนวงการ เมื่อ "โบนัสสุกี้" แบรนด์สุกี้บุฟเฟต์น้องใหม่ ที่เปิดตัวโดยบริษัท คุ้มคุ้ม จำกัด ซึ่งเป็นย่อยของ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (M) เปิดเกมรุกตลาดบุฟเฟต์ราคาประหยัด ท้าชนเต็มรูปแบบกับ "ตี๋น้อย" แบรนด์ดังในเครือ บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (JMART) ที่เป็นผู้นำตลาด
โดย "โบนัสสุกี้" วางตำแหน่งเป็นแบรนด์สุกี้บุฟเฟต์ในราคาจับต้องได้ (เริ่มต้นราว 219 บาท) เพื่อเจาะฐานลูกค้าระดับกลางถึงล่าง ต่างจากแบรนด์ MK เดิมที่เน้นพรีเมียม เป็นการขยายพอร์ตและกระจายความเสี่ยงรายได้ในยุคผู้บริโภครัดเข็มขัด
…ปักหมุดสาขาแรก "โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ สระบุรี" ในวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา
ฝั่ง "ตี๋น้อย" ในฐานะเจ้าตลาด ก็เผชิญความท้าทายใหม่ แม้มี "จุดแข็ง" ทั้งด้านการจัดการต้นทุนและฐานลูกค้าเหนียวแน่น รวมถึงการสนับสนุนจาก JMART ในด้านเงินทุน เทคโนโลยี และการขยายแฟรนไชส์ แต่การรักษาคุณภาพท่ามกลางการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นถือเป็นโจทย์ใหญ่
มูลค่าตลาดสุกี้-ชาบูไทยราว 15,000-20,000 ล้านบาท/ปี กลายเป็นสมรภูมิร้อนที่ทั้งสองฝ่ายต่างหมายตา
ส่วนผลต่อหุ้น M และ JMART ยังต้องติดตามว่ากลยุทธ์รุกตลาดของแต่ละค่ายจะสร้าง "โอกาส" หรือกลายเป็น "ความเสี่ยง"
…หลังประกาศเข้าบุกตลาดสุกี้หม้อร้อน
ราคาหุ้น M ทะยานตัวขึ้นอย่างร้อนแรงตลอดทั้งสัปดาห์ จากราคาปิด 17.40 บาท ในวันศุกร์ที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา และขึ้นไปแตะ 21.20 บาท ในวันที่ 17 ก.ค. เพิ่มขึ้นกว่า 21.83%
หุ้น M อาจได้แรงหนุนจากการขยายตลาดใหม่ แต่ต้องจับตาเรื่อง กำไรเฉลี่ยที่ลดลง
รายได้ย้อนหลัง
ปี 2565 อยู่ที่ 15,938.18 ล้านบาท
ปี 2566 อยู่ที่ 16,973.55 ล้านบาท
ปี 2567 อยู่ที่ 15,809.47 ล้านบาท
ไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 3,625.53 ล้านบาท
กำไรย้อนหลัง
ปี 2565 อยู่ที่ 1,438.81 ล้านบาท
ปี 2566 อยู่ที่ 1,681.94 ล้านบาท
ปี 2567 อยู่ที่ 1,441.57 ล้านบาท
ไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 233.59 ล้านบาท
หุ้น JMART ได้รับประโยชน์จาก "ตี๋น้อย" ที่กำไรเติบโตต่อเนื่อง แต่หากคู่แข่งเบียดแย่งส่วนแบ่งได้ อาจกระทบภาพรวมธุรกิจในระยะกลาง
รายได้ย้อนหลัง
ปี 2565 อยู่ที่ 14,741.59 ล้านบาท
ปี 2566 อยู่ที่ 14,585.65 ล้านบาท
ปี 2567 อยู่ที่ 14,772.23 ล้านบาท
ไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 3,902.34 ล้านบาท
กำไรย้อนหลัง
ปี 2565 อยู่ที่ 1,794.96 ล้านบาท
ปี 2566 อยู่ที่ -447.01 ล้านบาท
ปี 2567 อยู่ที่ 1,140.85 ล้านบาท
ไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 140.33 ล้านบาท
ขณะที่ราคาหุ้น JMART ในสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในแคบ โดยในวันที่ 17 ก.ค.ขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 7.75 บาท เทียบวันศุกร์ที่ 11 ก.ค.อยู่ที่ 7.15 บาท
สงครามบุฟเฟต์รอบนี้ไม่ใช่แค่ "น้ำซุปเดือด" แต่ยังสะท้อนการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ของสองกลุ่มธุรกิจใหญ่ที่มองเห็น "มูลค่า" ของโต๊ะสุกี้…ก่อนใครจะถูก "ลวก" จากเกมราคาและการขยายตัวที่ร้อนแรงเกินต้าน
…แล้วใครได้เปรียบในเกมนี้ ??? (โปรดติดตามตอนต่อไป) หนังเรื่องนี้ยังอีกยาว