เอาให้ชัด..อย่าให้ ‘ทหาร’ รับจบ
อุ้ย!!!! ไม่รู้ บิ๊กเต่า-พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) ในฐานะรองหัวหน้าศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและส่งเสริมพระธรรมวินัย ซึ่งเป็นศูนย์เฉพาะกิจเพื่อรับการร้องเรียนการกระทำผิดของพระสงฆ์ จะต้องแตะเบรกการเดินหน้ากวาดล้างมารศาสนาหรือเปล่า หลังบอกปัญหาการทำงานที่ผ่านมาไม่ค่อยได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่สำนักพุทธ จน พ่อมดดำ-สุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักพุทธ ถึงขนาดต้องส่งข้อความถึง บิ๊กเต่า ขอให้ปรับการใช้คำพูด เพราะที่ผ่านมาอาจมีการใช้คำพูดแรงจนกระทบ
จิตใจและความศรัทธาของชาวพุทธ งานนี้ บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ แม่ทัพใหญ่สีกากี เลยต้องรีบออกตัวบอก บิ๊กเต่า เป็นคนตั้งใจทำงาน แต่การสื่อสารอาจทำให้เกิดความเข้าใจไม่ตรงกัน จึงได้กำชับการให้ข้อมูลเนื่องจากมีความละเอียดอ่อน ก่อนจะสวมกอดและยกนิ้วให้กำลังใจ บิ๊กเต่า พร้อมกล่าวชื่นชม “ทำงานเยี่ยม คนทำงานต้องชื่นชม” ระหว่างจะขึ้นรถเดินทางกลับจากที่ไปร่วมประชุมกับ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และอธิบดีกรมการศาสนา รวมทั้งเจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ปลายสัปดาห์ก่อน ๐
การแต่งตั้ง "นายพล" วาระประจำปี 2568 ขยับไปอีกหนึ่งก้าว บิ๊กกอล์ฟ-พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล (ผบช.สกพ.) จัดประชุมตำรวจฝ่ายกำลังพลทุก บช.ทั่วประเทศ และหน่วยขึ้นตรง สง.ผบ.ตร. ซักซ้อมทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผบ.ตร.และจเรตำรวจแห่งชาติ ลงมาถึง ผบก.วาระประจำปี 2568 ไปแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา จากก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 10 ก.ค.ส่งหนังสือแจ้งเวียนหลักเกณฑ์การประเมินเพื่อใช้ประกอบการจัดทำข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ตามกฎ ก.ตร. เพื่อให้ บก.จัดส่งข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น และข้อมูลผู้ที่ยังไม่เหมาะสมที่จะได้รับการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ไปยังหน่วยงานเหนือขึ้นไปหนึ่งระดับตามสายงานการบังคับบัญชาภายใน 21 ก.ค. 2568 และกำหนดให้ระดับ บช.ส่งข้อมูลต่างๆ มายัง ตร.ผ่านกองทะเบียนพล ภายในวันที่ 4 ส.ค. 2568 ๐
ทำดีต้องชื่นชม ผบ.ต่าย มอบใบประกาศเกียรติคุณตามโครงการ “ทำดี มีรางวัล” ให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจนครบาลสุทธิสาร จำนวน 2 นาย คือ ส.ต.ท.วรดร ถิระธนาบูรณ์ ผบ.หมู่ (ป.) สน.สุทธิสาร และ ส.ต.ท.จิรายุทธ ราชอาจ ผบ.หมู่ (ป.) สน.สุทธิสาร ที่เข้าระงับเหตุชายคลุ้มคลั่งบริเวณซอยรัชดาฯ 16 ย่านห้วยขวาง จากเหตุเมื่อวันที่ 10 ก.ค. เวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สุทธิสารได้รับแจ้ง พบชายกำลังอาละวาดบริเวณสวนหย่อมของคอนโดฯ แห่งหนึ่งในซอยรัชดาฯ 16 จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบชายมึนเมาคลุ้มคลั่ง จึงได้พยายามพูดคุยและขอเชิญตัวไปที่ สน.สุทธิสาร แต่ชายคนดังกล่าวได้เข้ามาแย่งอาวุธปืนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ ซึ่งตำรวจได้ใช้ยุทธวิธีไม่ให้ชายดังกล่าวขึ้นลำปืนเพื่อป้องกันไม่ให้สามารถยิงได้ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนโดยรอบ แต่ในขณะที่ยื้อแย่งปืนเกิดลั่นออกมา 2 นัด ถูกเสื้อเกราะบริเวณหน้าอกซ้ายและแฉลบไปโดนต้นแขนด้านซ้ายของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนจะควบคุมสถานการณ์และควบคุมตัวชายคนดังกล่าวไว้ได้…ปรบมือให้กับการดูแลประชาชนครั้งนี้ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ๐
ไม่มีเค้าว่า "ฝ่ายการเมือง" จะเจรจากับรัฐบาลกัมพูชาให้ถอนทหารที่เข้ามาประชิดชายแดนนับหมื่นนายได้ ยิ่งตัวพ่อของตระกูลฮุนกับชินวัตรยังตอบโต้กันไปมาไม่หยุด กลไกระดับกระทรวงการต่างประเทศก็ดูจะง่อยเปลี้ยเสียขา เพราะสัญญาณระดับนโยบายไม่หือไม่อือ ทหารไทยที่รักษาพื้นที่ก็ถูกแหย่ทุกวัน แถมเสี่ยงอันตรายกับยุทธวิธี “ลอบกัด” ทิศทางข้างบนก็ยังไม่ชัด เรียกได้ว่าสถานการณ์หลังจากเกิดเหตุพลทหารเหยียบระเบิด กระแสจึงเริ่มตีกลับไปที่กองทัพว่าจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปเหรอ?… “เดอะแบก” อย่าง "แม่ทัพกุ้ง" พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เลยถูกตั้งคำถามในโลกโซเชียลว่า “ดีแต่พูด” ทำไม่ไม่เปิดเสียทีให้มันรู้แล้วรู้รอด ซึ่งหากเกิดการปะทะขึ้นจริงก็เรียกได้ว่า "เข้าแผน" เขมรเจ้าเล่ห์ที่รอเวลานี้มานาน แต่เชื่อว่าสถานการณ์จากนี้น่าจะไม่ใช่ "ใครอึดกว่าใคร" อีกต่อไป เพราะเมื่อเงื่อนไขทุกอย่างมีน้ำหนัก การรักษาสิทธิด้วยความชอบธรรมของเราน่าจะเป็นรูปธรรมมากขึ้น แต่เหนือสิ่งอื่นใดรัฐบาลต้องแสดงท่าทีให้ชัด อย่าลอยตัวเหนือปัญหา ปล่อยให้สถานการณ์เดินไปตามยถากรรม แล้วโยนให้ทหารรับจบด้วยการใช้กำลัง เพี่อใช้เป็นบันไดลงให้ใครบางคนเท่านั้น ๐
ขอเป็นกำลังใจให้ทหาร"แนวหน้า" ชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นทหารชั้นประทวน หรือพลทหารในการทำหน้าที่รักษาอธิปไตย ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัด อบอ้าว และฝนตกต่อเนื่อง โดยเฉพาะ พลทหาร ธนพัฒน์ หุยวัน ซึ่งเหยียบกับระเบิดที่ช่องบกเสียขาไปในภารกิจลาดตระเวน รวมถึง พลทหาร ณัฐวุฒิ ศรีเข้ม และ สิบเอก ปฏิพัทธ์ ศรีลาภักดิ์ ซึ่งกำลังรักษาอาการบาดเจ็บจากแรงระเบิดอยู่ "กองทัพบก" ยืนยันการดูแลเต็มเพดาน ทำให้ต้องมีการปรับแนวลาดตระเวน พร้อมระมัดระวังมากขึ้นกว่าเดิม และในช่วงเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา กองทัพบกก็เคยสูญเสียพลทหารไป 1 นายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ นั่นก็คือ พลทหาร พาคม สุเด็น อายุ 22 ปี พลยิงปืนเล็กกล หมวดปืนเล็กที่ 3 กองร้อยทหารราบที่ 1 หน่วยเฉพาะกิจกองพันทหารราบที่ 1 ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์คนร้ายลอบยิง ขณะปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนดูแลความปลอดภัยให้พี่น้องประชาชน บริเวณพื้นที่บ้านวังหิน ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา มาแล้ว 0
คณะรัฐมนตรียังไม่มีการอนุมัติตามการเสนอของกระทรวงกลาโหม โดยมอบหมายให้ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ ไปลงนามกับ SAAB สวีเดน ในโครงการจัดหาเครื่องบิน Gripen E/F ตามกระแสข่าวลือ รวมถึงการเสนอให้คณะรัฐมนตรีให้เห็นชอบแก้ไขสัญญาเครื่องยนต์เรือดำน้ำ S26T ที่ต่อจากจีน และมอบหมายให้ผู้บัญชาการทหารเรือไปลงนามแทน ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่ามี รมต.บางคนเสนอให้ยกเลิกสัญญา แต่เมื่อเช็กเส้นทางเดินของวาระทั้งสองเรื่อง พบว่าผ่านจากกระทรวงกลาโหมไปแล้ว และน่าจะอยู่ที่สำนักงานเลขาธิการ ครม. ขึ้นอยู่กับว่าจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาในจังหวะที่เหมาะสมได้เมื่อไหร่ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นช่วงเวลาที่ข้อยุติในเรื่อง "ภาษีทรัมป์" ต้องเรียบร้อยเสียก่อน เพื่อลดความกังวลของหลายฝ่ายว่าการเดินหน้าวาระเรื่องอาวุธที่มีดีลกับจีนและสวีเดน อาจมีแรงสะท้อนต่อการเจรจากับสหรัฐฯ 0