ลูกออกไปพ่อติดคุก ปชช.นับแสนแห่ชุมนุมล้นอนุสาวรีย์ชัยฯหมดเวลาระบอบทักษิณ

ประชาชนเรือนแสนร่วมชุมนุมจนล้นพื้นที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ธงไตรรงค์โบกสะบัด "อุ๊งอิ๊ง" เผยยินดีคุยถ้าสันติวิธี แต่กลุ่มรวมพลังแผ่นดินยื่นคำขาด ลาออกสถานเดียว แกนนำขึ้นเวทีปราศรัย ชำแหละระบอบทักษิณยับ เป็นปฏิปักษ์ ทรยศ ขายชาติ "สมชาย" แฉมีคลิปเสียงคนแก่เมาไวน์พูดถึงสถาบันฯ "แก้วสรร" ปลุก เอาพ่อติดคุก เอาลูกออกไป

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2568 ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการดูแลการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิในวันเดียวกันนี้ ได้มีการกำชับหน่วยงานความมั่นคงอย่างไรว่า ดูให้สงบเรียบร้อย ไม่มีอะไร ก็เป็นกรอบของสิทธิอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีรายงานอะไรที่น่าเป็นห่วงหรือไม่ นายกฯ ตอบว่า “ยังไม่มีอะไรนะคะ” พร้อมย้อนถามว่า “มีอะไรแล้วหรือคะ” ผู้สื่อข่าวตอบกลับว่า มีรายงานอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ ซึ่งนายกฯ ตอบว่า ไม่มีอะไร เป็นสิทธิอยู่แล้ว ตนบอกให้ดูให้เรียบร้อย ไม่อยากให้มีความรุนแรง

เมื่อถามว่า คิดว่าการชุมนุมนี้จะบานปลายหรือไม่ เพราะเป็นการรวมพลังกันของหลายกลุ่ม น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ก็หวังว่าจะไม่มี

ถามอีกว่า แต่ธงของการชุมนุมครั้งนี้คือต้องการไล่ให้นายกฯ ออกไป เธอตอบว่า ก็บอกแล้วว่าเป็นสิทธิ และโดยส่วนตัวแล้วไม่ได้หวังว่าจะยังไง ก็ให้เป็นสิทธิไป ไม่ได้จะตอบโต้หรืออะไร

ซักว่า ถ้ามีโอกาสจะเชิญแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมมาพูดคุยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็เดี๋ยวดูสถานการณ์ ถ้ายังอยากคุยกันด้วยสันติวิธีเหมือนเดิมก็ยินดีอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายกฯ เดินขึ้นเครื่องบินเพื่อเดินทางไปปฏิบัติภารกิจลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย ผู้สื่อข่าวแซวนายกฯ ว่า วันนี้ใส่เสื้อสีขาวเหมือนกลุ่มผู้ชุมนุมเลย โดยนายกฯ พูดติดตลกกับตัวเองว่า “เหมือนม็อบเลย” ก่อนหันไปแซวและชี้ไปที่เสื้อของ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ซึ่งใส่เสื้อสีขาวเหมือนกัน พร้อมกล่าวแซวว่า “พี่อิ่ม เธอเป็นม็อบเหรอ"

ขณะที่การชุมนุมของประชาชนมีความเคลื่อนไหวตั้งแต่เช้า กลุ่มคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยได้จัดเตรียมสถานที่ พร้อมตั้งเต็นท์บริเวณโดยรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยการชุมนุมครั้งนี้มีการดูแลรักษาความปลอดภัยโดยรอบสถานที่ชุมนุม และได้มีการประสานไปยังกรุงเทพมหานคร เพื่อขอรถสุขา จอดบริเวณโดยรอบพื้นที่ชุมนุม ทั้งนี้ ในช่วงเช้ายังไม่มีการปิดการจราจรแต่อย่างใด

เวลา 10.00 น. มีการทำพิธีบวงสรวงวีรชนหาญกล้าที่ปกป้องอธิปไตย ในกิจกรรม “ความรักชาติไทย” ที่เวทีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำ นปช., นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, นายนิติธร ล้ำเหลือ และนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่ม คปท.

ข้อเรียกร้อง 3 ข้อ

จากนั้นเวลา 10.30 น. ทางแกนนำได้สลับกันขึ้นปราศรัยใหญ่บนเวที โดยไม่พบความเคลื่อนไหวในการปักหลักชุมนุมระยะยาว และไม่พบการเตรียมทำโรงประกอบเลี้ยงอาหาร มีแต่เพียงจุดบริการน้ำดื่มให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมที่จะเดินทางมาร่วมกิจกรรมเท่านั้น

ขณะที่ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบวัตถุระเบิด (EOD) พร้อมสุนัข K9 ลงตรวจสอบพื้นที่บริเวณโดยรอบ เพื่อรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้ชุมนุมบริเวณโดยรอบๆ เส้นทางสู่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ อาทิ ปากซอยพหลโยธิน 2 มีจุดตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมป้ายแนะนำให้หลีกเลี่ยงเส้นทางถนนพหลโยธินมุ่งหน้าไปอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิด้วย

การชุมนุมเริ่มคึกคักขึ้นในช่วงเที่ยง นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. ปราศรัยย้ำถึงข้อเรียกร้องในการชุมนุม 3 ข้อ ได้แก่ 1.ขอให้ น.ส.แพทองธาร รับผิดชอบต่อคำพูดในคลิปด้วยการลาออกทันที 2.ขอให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว และ 3.ขอให้ประชาชนร่วมกันมาปกป้องอธิปไตย

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยในช่วงบ่ายว่า มีมวลชนทยอยเข้าพื้นที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง โดยช่วงหนึ่งของการชุมนุม ได้มีการเริ่มขึงธงชาติไทยบริเวณโดยรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ตั้งแต่ราวบันไดไปตลอดแนวของสกายวอล์กด้านบน พร้อมทั้งมีการส่งต่อธงชาติผืนใหญ่ให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมส่งต่อกันไปเรื่อยๆ ในบริเวณด้านล่าง ทั้งนี้ ผู้ชุมนุมบางส่วนได้มีการโบกธงเป็นระยะตลอดเวลาที่มีแกนนำขึ้นปราศรัย พร้อมส่งเสียงตะโกนให้กำลังใจ

นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขึ้นปราศรัยว่า การที่สมเด็จฮุน เซน ออกคลิปมาก็ดีแล้ว ทำให้รู้ว่านายกฯ และครอบครัวเป็นฝ่ายตรงข้ามกับคนไทยทั้งแผ่นดิน โดยพฤติกรรมแบบนี้เรียกว่าไส้ศึก สมคบคิดกับต่างชาติ เป็นปฏิปักษ์ต่อชาติไทย อย่างนี้ต้องติดคุกสถานเดียว พร้อมประกาศว่า “เวลาของเธอหมดแล้ว ไปไป นรกจะลงโทษเธอ”

“อาของเธอ ยิ่งลักษณ์ว่าโง่แล้ว แต่นี่มันเลวร้ายกว่า คือสมคบคิดกับต่างชาติ มันจะเป็นไปได้ยังไงพี่น้องทหารเขาปกป้องแผ่นดินไทย แค่คำพูดนี้ที่บอกว่าเป็นฝ่ายตรงข้าม มันคือการประกาศตัวว่าเป็นศัตรูกับคนไทยทั้งแผ่นดิน” นพ.ตุลย์กล่าว

สทร.เงียบผิดปกติ

ด้านนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชัน กล่าวว่า ไม่มีใครกล่าวหารัฐบาลอุ๊งอิ๊งว่าขายชาติ แต่อุ๊งอิ๊งทำตนเอง สิ่งที่อุ๊งอิ๊งทำ ด่าแม่ทัพภาคที่ 2 ลับหลัง สมเด็จฮุน เซน บอกว่าที่กัมพูชาเรียกว่า “กบฏ” เป็นการกระทำของคนขายชาติ

"อุ๊งอิ๊งคุยกับ Uncle บอกว่าเป็นพวกเรา อุ๊งอิ๊งเป็นพวกเขมร บอกว่าแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นพวกฝั่งตรงข้าม เท่ากับอุ๊งอิ๊งเป็นฝั่งตรงข้ามกับคนไทย ที่เรามาวันนี้ไม่ได้เรียกทหารมาปฏิวัติ แต่มาปกป้องอธิปไตยของชาติไทย พี่น้องทหารทำหน้าที่ได้อย่างดียิ่งคือการปกป้องอธิปไตย โดยเฉพาะตามแนวชายแดน"

สำหรับบรรยากาศการชุมนุมในช่วงเย็น แกนนำหลายคนสลับกันขึ้นเวทีปราศรัยอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีสายฝนตกโปรยปรายลงมาอย่างหนัก ขณะที่มวลชนยังคงยืนฟังปราศรัยติดขอบเวที โดยมีการกางผืนธงชาติรอบข้างอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิท่ามกลางสายฝนอย่างไม่ขาดสาย

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม กล่าวบนเวทีปราศรัยว่า วันนี้เราเผชิญกับนายกรัฐมนตรีขายชาติ ท่ามกลางที่พี่น้องทหารหาญของเรากำลังปกป้องประชาธิปไตย ประชาชนเห็นนายกรัฐมนตรีตระกูลชินมาหลายคนแล้ว ในฐานะที่ตนเป็นแพทย์ การทำชั่วทางการเมืองเป็นดีเอ็นเอ สายเลือดความชั่วความโกงมันแรง รุ่นพ่อโกงชาติบ้านเมืองติดคุกหนี รุ่นอาโกงจำนำข้าวถูกศาลตัดสินจำคุกหนี มาถึงรุ่นลูก มันไม่ได้โกงชาติ แต่มันขายชาติ

ส่วนที่ สทร.เงียบผิดปกตินั้น ตนเชื่อว่าเรื่องที่นายทักษิณไม่ได้ป่วย ฮุน เซน พูดจริง และเชื่อว่าฮุน เซน ก็ยังมีทีเด็ดเก็บไว้อยู่ ขณะนี้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองกำลังไต่สวน ประสบการณ์ทางการเมืองที่เอานักการเมืองขี้โกงเข้าคุก ตนยืนยันเลยว่า สทร.ต้องติดคุก คุก คุก แน่นอน

"ผมค่อนข้างมั่นใจมากว่า อุ๊งอิ๊งไปต่อไม่ได้ เพราะฝีมือของประชาชนที่ออกมาในวันนี้ และมั่นใจว่า สทร.พ่อของอุ๊งอิ๊ง อย่างไรติดคุกแน่นอน" นพ.วรงค์กล่าว

คลิปเสียงคนแก่คนหนึ่ง

ต่อมา นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ปราศรัยว่า วันนี้ไม่ได้เอาไอแพดมา แต่มีเอกสารลับที่อยู่ในไอโฟนอยากให้อุ๊งอิ๊งได้ยิน ซึ่งจะเป็นเอกสารที่ทำให้คนไทยทนไม่ไหว เป็นคลิปเสียงคนแก่คนหนึ่งเมาไวน์พูดถึงสถาบันที่สมเด็จฮุน เซน ขอให้ส่งทูตผู้พิเศษไปรับข้อมูล ซึ่งหน่วยความมั่นคงก็มีคลิปนั้นอยู่ด้วย

เขากล่าวว่า หากอุ๊งอิ๊งยังดื้อไม่ยอมลาออก เราต้องมาชุมนุมเพื่อปกป้องอธิปไตย เอาตัวภัยความมั่นคงออกไป แล้วเรากับเขมรค่อยรบและเจรจากัน พร้อมส่งกำลังใจให้ศาลรัฐธรรมนูญที่จะพิจารณาคดีที่ สว.ร้องนายกฯ ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 1 ก.ค.นี้ อย่าปล่อยให้นายกฯ อยู่ในความสุ่มเสี่ยงถูกแบล็กเมล ฝากความหวังศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง และสั่งให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่

“บัดนี้นายกฯ ไร้ศักดิ์ศรี ไร้วุฒิภาวะ ไร้ภาวะผู้นำอย่างร้ายแรงจนเสื่อมเสียต่อความมั่นคง ประชาชนทั่วประเทศจึงออกมาแสดงตัวร่วมกันลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ ในการบริหารงานผิดพลาด ไม่ให้อุ๊งอิ๊งทำหน้าที่นายกฯ ต่อไป” นายสมชาย กล่าว

ยังมีการปราศรัยที่น่าสนใจโดย นายชัชชัย สุขขาวดี หรือ หรั่ง ร็อคเคสตร้า ศิลปิน ได้กล่าวบนเวทีปราศรัยว่า “ให้กำลังใจกับพ่อแม่พี่น้องทุกคนทั้งประเทศไทย เรารักราชอาณาจักรไทย” พร้อมทั้งได้ขับร้องบทเพลงพระราชนิพนธ์ “ความฝันอันสูงสุด” และ "เราสู้" ก่อนกล่าวทิ้งท้ายว่า “ขอพลังจงอยู่คู่ประชาชนของพระองค์ทุกคน”

โดยในระหว่างที่นายชัชชัยร้องเพลง มวลชนได้ร่วมกันโบกธงชาติและร้องเพลงตาม ก่อนส่งเสียงเฮลั่นเมื่อเพลงจบ จากนั้นเริ่มการร้องเพลงชาติร่วมกัน และแถลงการณ์ของกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน

กระทั่ง 18.00 น. นายนิติธร ล้ำเหลือ ได้เป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์ ระบุว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ไร้ความสามารถ ขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ประพฤติผิดมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ออกนโยบายทำลายความมั่นคง ทำลายสถาบันหลักของชาติ กระทำการในลักษณะเป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศชาติ เข้าข่ายกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา หมวด 3 ว่าด้วยความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ หมวด 5 หน้าที่ของรัฐ มีพฤติการณ์ตามที่เป็นข่าวสาธารณะในเชิงสมคบคิด และแสดงออกซึ่งเจตนาในการใช้อำนาจหน้าที่ไปในทางตอบสนองต่อความต้องการของอริราชศัตรู

ทั้งแสดงตัวตนด้วยคำพูดและการกระทำ ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นฝ่ายเดียวกับอริราชศัตรู ที่มีความมุ่งหมายรุกล้ำละเมิดอำนาจอธิปไตย ต้องการยึดครองแผ่นดินไทย รวมถึงทรัพยากรของชาติ ทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน และขัดต่อคำถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนเข้ารับหน้าที่นายกรัฐมนตรี

ขณะเดียวกัน แม้ปรากฏข้อเท็จจริงประจักษ์ชัดตามข่าวสาธารณะ และการยอมรับของนายกรัฐมนตรี บรรดาคณะรัฐมนตรีและพรรคร่วมรัฐบาลยังคงสนับสนุนแพทองธาร ชินวัตร ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไป ไม่ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล จึงอาจถือได้ว่าเข้าร่วมกระทำการกับนายกรัฐมนตรี มีพฤติการณ์เป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศชาติ เข้าข่ายกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา กระทำการขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญเฉกเช่นเดียวกัน เพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ความมั่นคง และอำนาจอธิปไตยแห่งราชอาณาจักรไทย ทั้งเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ ความผาสุกของประชาชนโดยรวม ให้แพทองธาร ชินวัตร ลาออกทันที

ทำให้กลุ่มมวลชนต่างร้องตะโกนพร้อมกันว่า "ออกไป"

'ผมไม่ได้ยุให้ทหารปฏิวัติ'

ช่วงค่ำ นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปราศรัยว่า ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยในขณะนี้คือระบบการเมือง วันนี้เราไล่ น.ส.แพทองธารไปก็จะมีคนอื่นขึ้นมาแทน คนที่ลงคะแนนให้จำได้หรือไม่ ตอนกาบัตรลงคะแนนใช้เวลาแค่ 4 วินาที สิทธิของเราไม่มีอีกต่อไปแล้ว เรามีสิทธิอยู่อย่างเดียว เขาหลอกให้เราลงคะแนนเสียง นักการเมืองเป็นแบบนี้ทุกประเทศ ที่ก่อนหน้านั้นนักการเมืองชอบพูดกับประชาชนตอนที่ไม่ได้หย่อนบัตร แต่พอหย่อนบัตรแล้วเขาจะมีข้ออ้างมาทันที ระบบการเมืองนี้เอื้อประโยชน์เพื่ออำนวยให้คนที่มีเส้นสายทางการเมืองรวยเอาๆ นี่หรือประชาธิปไตย

"มีนักข่าวถามผมว่า คุณสนธิพยายามยั่วยุให้ทหารเข้ามาใช่ไหม จริงๆ ไม่ใช่ ทหารจะปฏิวัติไม่เคยบอกผม จะทำเมื่อไหร่ก็ทำไป ถ้าเห็นว่าวิกฤตมันเกิดขึ้น แล้วการเมืองมันแก้ไม่ได้ เขาจะปุ๊บปั๊บก็เรื่องของเขา แต่ขอเรื่องเดียว ไหนๆ ก็จะทำแบบนั้นแล้ว ขออย่าเอา พล.อ. มาบริหารชาติบ้านเมืองอีก ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาประเทศชาติ แต่ทำความเข้าใจก่อน ผมไม่ได้ยุให้ทหารปฏิวัติ"

นายสนธิกล่าวอีกว่า การชุมนุมในครั้งนี้เป็นเพียงแซมเปิลเล็กๆ ในกรุงเทพฯ ตำรวจบอกว่ามีคนมา 30,000 ตนมองว่าต้องคูณ 2 วันนี้ต้องมี 6-7 หมื่นคน ตนไม่เคยคิด 20 ปีที่แล้ว เดินขึ้นมาบนเวทีเพื่อไล่นายทักษิณ มาถึงวันนี้ 20 ปีให้หลัง เป็นความซวยของชีวิต มาถึงยุคที่ต้องไล่ลูกสาวมัน และการชุมนุมครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ถ้าจำเป็นในอนาคตที่เราต้องลงถนน และเปลี่ยนแปลงชาติบ้านเมืองกับตนจะเอาหรือไม่

เอาพ่อติดคุก เอาลูกออกไป

ต่อมา นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ปราศรัยว่า หลายคนถามว่าตอนจบจะเป็นอย่างไร อะไรคือเป้าหมายของการมาอยู่ตรงนี้ ที่เห็นผลได้ ที่สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาพูดก็โอเค ไม่เกิน 3 เดือน "แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ "เอาพ่อติดคุก เอาลูกออกไป"

"ถ้าอุ๊งอิ๊งลาออกพรุ่งนี้ แต่พ่อยังอยู่ ยังมีนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด ก็จะไปไหนไม่ได้ สิ่งที่อุบาทว์และเป็นเช่นนี้มาตลอด ก็คืออำนาจ และความรับผิดชอบอยู่กับอุ๊งอิ๊ง ตามตำแหน่ง แต่อุ๊งอิ๊งมีแต่ความรับผิดชอบ ไม่มีอำนาจ ปัญหามันอยู่ตรงนี้"

"ถ้าอยู่ดีๆ พ่อที่มีอำนาจทุกอย่าง แต่เป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ กฎหมายห้ามไว้ จึงขอให้ลูกเป็นนายกรัฐมนตรี ลูกคนนี้ก็ไม่มีความคิดอ่าน ชอบแต่งตัว ชอบ Soft Power จนตอนนี้ Soft Power กลายเป็น Soft Brain ไม่มีความรู้ความสามารถอะไร แต่ก็ยอมเป็น"

นายแก้วสรรเปรียบเทียบว่า อยากให้ลูกเป็นนายกรัฐมนตรีแบบสโนไวท์ เมื่อถึงเวลาประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็มีคนแคระมายืนด้วยตอนแถลงข่าว บ้านเมืองก็กลายเป็นลิเก ละคร และเมื่อมีปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา คนเราอาจมีความรับผิดชอบ จะนอนไม่หลับ คิดว่าจะทำอย่างไรดี และเร่งสั่งการ นั่นคือนายกรัฐมนตรีที่เราต้องการ แต่บ้านเมืองเราเป็นแบบนี้ สมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีก็ทีหนึ่งแล้ว มีความรับผิดชอบ แต่ไม่มีอำนาจ พี่สั่งก็ทำหมด แล้วก็เอาคนแคระออกไปช่วย

ดังนั้น นอกจากลูกออกไปแล้ว พ่อต้องติดคุกด้วย จุดจบของระบอบทักษิณต้องมาถึง" นายแก้วสรรกล่าว.