โรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง จัดแสดงลิเกเฉลิมพระเกียรติฯ เรื่อง ลิขิตรัก ฉลองครบรอบ 92 ปี
ไนน์เอ็นเตอร์เทน
อัพเดต 15 กรกฎาคม 2568 เวลา 1.27 น. • เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • NineEntertain ข่าวบันเทิงอันดับ 1 ของไทยช่วงบ่ายวันนี้ (14 ก.ค. 68) ที่โรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง จัดงานแถลงข่าวการแสดงลิเกเฉลิมพระเกียรติฯ เรื่อง “ลิขิตรัก” เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 73 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และครบรอบ 92 ปี โรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง โดยมีศิลปินลิเกดาวรุ่งและศิลปินมากฝีมือมาร่วมงาน อาทิ ต้อม นิรันดร์,ซาย ภิสา,นีโน่ สุดที่รัก,แป้ง วนารี, ทองหยอด ลูกนารายณ์,ตวงรัก ฐิติยา,บิ๊ก จักริน,พลอย อิสรีย์ภัค และ โตโต้ แดนซ์ ร่วมแสดง โดยมี อ.พงษ์ศักดิ์ สวนศรี เป็นผู้กำกับการแสดง ก่อนทำการแสดงจริงในวันอาทิตย์ที่ 27 ก.ค. 68 รอบ 13.00 น. ทีมนักแสดงได้เสิร์ฟ 2 ฉากใหญ่เรียกน้ำจิ้มให้สื่อมวลชนและแขกที่มาร่วมงานได้รับชม คือฉากท้องพระโรงเมืองพุกามและอุทยานเมืองน่าน ซึ่งเป็นการรวมตัวของสี่คู่พระนาง ผ่านเรื่องราวความรัก และท่วงท่าร่ายรำที่อ่อนช้อยงดงาม
สำหรับวันแสดงจริงยังมีทีมนักแสดงเสริมทัพอีกเพียบ นำโดยพระเอกลิเกโรงใหญ่ อ.พงษ์ศักดิ์ สวนศรี – เทพบัญชา หอมหวล ทายาทรุ่นที่ 2 ของอาจารย์หอมหวล รวมดาวดังพระเอกลิเกรุ่นใหม่ แน็กกี้ ธเนศพิพัฒ พระเอกจากคณะสองเทพบุตรสุดที่รัก โตโต้ ธนเดช ม้ามีดวงการลิเก ร่วมด้วยนักแสดงลิเกมากฝีมือ บลู รุ้งจรัส, ผาภูมิ มาลัยนาค, พงษ์พร พ่วงเพชร, หลุยส์ ชวนชื่น, โดนัท สุดที่รัก, จันทรา ดาราทิพย์, เจ้าขา มาลัยนาค ฯลฯ บรรเลงโดยวงดนตรีปี่พาทย์พิกุลทองและวงเฉลิมราชย์ ร่วมด้วย คณะนักแสดงโขนศาลาเฉลิมกรุง กำกับการแสดงโดย อ.พงษ์ศักดิ์ สวนศรี และ ไพรัช สวนศรี
ลิขิตรัก การแสดงลิเกโรงใหญ่ ที่นำเค้าโครงเรื่องของลิเกยุคกลางเรื่องราวของความรักความเสียสละ ความสามัคคี และกฎระเบียบของผู้นำในยุคสมัยก่อน สอดแทรกการแสดงตลกหลวง เพื่อเพิ่มความขบขัน ความบันเทิงให้เหมาะสมกับท้องเรื่อง กล่าวถึงเมือง 3 เมือง เมืองที่ 1 เมืองน่าน มีพระราชธิดางามถึง 3 พระองค์ เป็นที่หมายตา ผู้นำของ 2 เมือง ได้แก่ เมืองพุกาม ซึ่งมีผู้นำเป็นบุรุษผู้รักกฎระเบียบ มีสี่ขุนพลคู่ใจ แต่ทุกคนยังไร้คู่ และอีกเมืองคือเมือง ฉัตรทวาย มีผู้นำที่ใฝ่ด้วยสงครามและโหยหาความรัก สร้างสงครามขึ้นเพื่อจะได้ความรักจาก 3 พระธิดามาครอบครองแต่กลับต้องผิดหวัง เมื่อเมืองพุกามและเมืองน่าน 2 เมือง รวบรวมผนึกกำลังดั่งเป็นสุวรรณปฐพีเดียวกัน ต่อสู่กันจนได้ชัยชนะรอดพ้นจากสงคราม ทั้งนี้ อ.พงษ์ศักดิ์ เปิดใจว่า การแสดงในครั้งนี้มีความพิเศษตรงที่เป็นการรวมศิลปะการแสดงหลายแขนง เป็นการแสดงลิเกที่มีกลิ่นอายความเป็นอีสาน การรวมตัวศิลปินรุ่นใหม่และรุ่นเก่า จากหลายคณะไม่ว่าจะเป็นคณะพงษศักดิ์สวนศรี – สองเทพบุตรสุดที่รัก – นิรัดร์ อภิวันท์ อัญชลี – ทองหยอด ซึ่งคิวงานแต่ละคนก็เยอะมาก แต่ก็หาเวลามารวมตัวกันได้ มายืนอยู่บนเวทีอันทรงเกียรติแห่งนี้อีกครั้ง อยากให้ทุกคนได้ติดตาม
ด้าน ซาย ถิสา เผยว่า ศาลาเฉลิมกรุงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ มาร่วมแสดงลิเก ล้วนมีความรักในความเป็นไทย มีความสามัคคีและอยากให้คงอยู่และเดินไปข้างหน้า เพราะตอนนี้ ลิเกเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของไทยที่กำลังเป็นที่น่าสนใจ พวกเราจะสืบสาน รักษา และต่อยอดต่อไปเท่าที่จะมีแรงไหว ถ้าเราไม่มีคนดู เราก็ไม่สามารถแสดงได้ อยากให้ทุกคนรักและสนับสนุนต่อไป.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน