สงครามข่าวสารยุคใหม่ กับปฏิบัติการข้อมูลบนชายแดนไทย-กัมพูชา
เมื่อข้อมูลคือกระสุน สงครามข่าวสารในศตวรรษที่ 21 กับสมรภูมิชายแดนไทย–กัมพูชา
โลกที่สงครามไม่ได้เริ่มจากเสียงปืน
ในศตวรรษนี้ ข้อมูลและข่าวสารไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือในการสื่อสารหรือสร้างความเข้าใจ หากแต่ถูกพัฒนาให้กลายเป็นอาวุธที่ทรงพลังในพื้นที่ความขัดแย้ง การแพร่กระจายของข่าวปลอม ภาพตัดต่อ คลิปเสียงเลียนแบบ รวมถึงข้อความที่ถูกตัดทอนบริบท กลายเป็นแนวรบใหม่ที่เกิดขึ้นทั้งในสนามการทูตและบนหน้าจอมือถือของประชาชน
สงครามข่าวสาร หรือ Information Warfare จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป โดยเฉพาะในสถานการณ์ชายแดนที่เปราะบางอย่างกรณีไทย–กัมพูชา
ข่าวสารไม่ใช่กลางเสมอไป เมื่อการรับรู้กลายเป็นสมรภูมิ
ข้อมูลที่ปรากฏในพื้นที่ความขัดแย้งมักแฝงท่าที มีการเลือกนำเสนอหรือขยายผลบางส่วนเพื่อสร้างอารมณ์ร่วม ทั้งนี้ ข้อมูลไม่จำเป็นต้อง “ปลอม” เสมอไป แต่ความขาดสมดุลและการขาดบริบทก็มากพอจะเปลี่ยน “ความเข้าใจ” ให้เบี่ยงเบนได้
ข้อมูลจากกระทรวงข้อมูลข่าวสารกัมพูชาระบุว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 มีการบันทึกข่าวปลอมกว่า 1,800 กรณี โดยประเด็นชายแดนไทย–กัมพูชาถูกจัดอยู่ในกลุ่มเนื้อหาที่พบมากที่สุด โดยเฉพาะในช่วงปลายไตรมาสสอง ซึ่งสอดคล้องกับช่วงที่สถานการณ์ตามแนวชายแดนเริ่มตึงเครียดมากขึ้น
รายงานระบุเพิ่มเติมว่ามีกรณีใช้เทคโนโลยี AI ในการสร้างภาพ เสียง หรือข้อความที่ใกล้เคียงกับความจริงมากขึ้น โดยมีอย่างน้อย 10 กรณีที่ตรวจพบว่าเป็นเนื้อหาที่ถูกผลิตขึ้นผ่านกระบวนการเทียม เพื่อให้เข้าใจผิดว่าเป็นคำพูดหรือคำสั่งจากบุคคลสำคัญหรือหน่วยงานทางการ
เมื่อโซเชียลกลายเป็นพื้นที่ปฏิบัติการ
สิ่งที่เคยเกิดในสงครามดั้งเดิม อย่างการตัดเส้นทางสื่อสาร ถูกแปลงรูปแบบใหม่ให้เข้ากับยุคดิจิทัล เช่น การจำกัดการเข้าถึงข้อมูลบางช่องทาง หรือการสื่อสารผ่านโครงข่ายที่อยู่ภายใต้การควบคุม เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือควบคุมข่าวสารในระดับชุมชน
ในพื้นที่ชายแดน ข่าวสารที่แพร่กระจายบนโลกออนไลน์ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ต่างๆ อาจส่งผลต่ออารมณ์ของผู้คนอย่างทันทีทันใด ตัวอย่างเช่น ข่าวลือที่ทำให้เกิดความตื่นตระหนก การเข้าใจผิดว่าเหตุการณ์ลุกลามไปถึงพื้นที่ที่ไม่ได้รับผลกระทบจริง ไปจนถึงความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับท่าทีของรัฐบาลหรือหน่วยงานทางการ
ความเสียหายที่มองไม่เห็น
ผลกระทบจากสงครามข่าวสารมักไม่ชัดเจนเท่าความเสียหายจากระเบิดหรือปืนใหญ่ แต่มันฝังลึกในระดับความรู้สึกและการรับรู้ร่วมของสังคม
- ความวิตกของประชาชนที่ได้รับข้อมูลไม่ตรงกันจากหลายช่องทาง
- การอพยพที่เกิดจากความไม่แน่ใจมากกว่าข้อเท็จจริงในพื้นที่
- ความยากลำบากของสื่อในการนำเสนอข่าวที่สมดุลท่ามกลางกระแสข่าวที่ไหลเร็วและแรงเกินจังหวะการตรวจสอบ
ข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ไม่ว่าจะมีเจตนาใด ย่อมส่งผลต่อทั้งการใช้ชีวิต การตัดสินใจ และความเชื่อมั่นระหว่างประชาชนกับกลไกรัฐ
ความท้าทายของยุคที่ใครก็เป็น “ผู้แพร่ข่าว”
การเปลี่ยนผ่านจากยุคสื่อกระแสหลักสู่ยุคสื่อหลายแหล่ง ทำให้โครงสร้างของการตรวจสอบข้อมูลเปลี่ยนตาม ผู้คนจำนวนมากเชื่อสิ่งที่เห็นก่อนสิ่งที่ตรวจสอบ และการแชร์ “ทันที” กลายเป็นเรื่องปกติมากกว่าการชะลอเพื่อคิดก่อนโพสต์
ในสถานการณ์ที่เปราะบาง ข่าวปลอมอาจกลายเป็นตัวเร่งความขัดแย้งโดยไม่ตั้งใจ และในหลายกรณี ไม่มีใครรับผิดชอบผลกระทบที่ตามมา
ทางออก คือ ต้องรู้เท่าทัน
การต้านสงครามข่าวสารไม่ใช่แค่การระงับหรือลบโพสต์เท็จ แต่คือการสร้างภูมิคุ้มกันผ่านการสื่อสารที่โปร่งใส รวดเร็ว และเข้าใจง่าย ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และสื่อมวลชน
- ข้อมูลที่มาจากแหล่งทางการต้องอ่านง่าย ตรงประเด็น และเผยแพร่ได้ไว
- สื่อควรมีพื้นที่ให้ข้อเท็จจริงอยู่เหนือความรู้สึกหรือความเร้าอารมณ์
- ประชาชนต้องมีทักษะในการตรวจสอบและตั้งคำถามก่อนเชื่อและแชร์
ไม่มีฝ่ายผิด แต่มีบทเรียนที่ทุกฝ่ายต้องเรียนรู้
สงครามข่าวสารไม่ได้เกิดเพราะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เกิดจากธรรมชาติของข้อมูลในยุคที่มันเร็วกว่าเหตุผล และไหลผ่านช่องทางที่ไม่มีใครควบคุมได้ทั้งหมด
เราอาจไม่สามารถหยุดข่าวปลอมได้ทั้งหมด แต่สามารถเลือกไม่เป็นฟันเฟืองในการกระจายมัน
เราควบคุมโลกไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะเชื่อ หรือไม่เชื่อ ได้เสมอ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ละเมิด "หยุดยิง" ไทยควรจัดการกัมพูชาอย่างไร? เมื่อสัญญาไม่เป็นสัญญา
- Angkor Sentinel คืออะไร ? ความสัมพันธ์ทางการทหารกัมพูชา-สหรัฐฯ ที่กลับมาในรอบ 8 ปี
- สธ.เผยผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา เจ็บ 53 อพยพ 2 แสนคน
- นักวิเคราะห์ต่างชาติมองเศรษฐกิจ ไทย-กัมพูชา
- กมธ. การสาธารณสุข วุฒิสภา แถลงการณ์ 2 ภาษา ประณามกัมพูชาโจมตีรพ.