“จุลพันธ์” ชี้รัฐบาลยังไม่ถึงทางตัน ดันจีดีพีโตเกิน 2%
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในเวที “เชื่อมั่นประเทศไทย : โจทย์ใหญ่รัฐบาล ?” จัดโดยสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ ว่า กรณีที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถูกคำสั่งศาลให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ลง เพื่อรอคำวินิจฉัยกรณีคลิปเสียงหารือกับฮุนเซนหลุดนั้น ล่าสุด รัฐบาลได้มีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่แล้ว และมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นั่งรักษาการแทนนายกรัฐมนตรี
“ถือว่า ขณะนี้รัฐบาลยังมีอำนาจเต็ม และเดินหน้าได้ตามปกติ ดังนั้น ไม่ได้ถือว่า เราเดินมาถึงจุดเสี่ยงหรือทางตันอย่างที่เป็นกระแสข่าว”
ทั้งนี้ กลไกของศาลในการพิจารณานั้น หากคำวินิจฉัยออกมาเป็นบวก จะทำให้นางสาวแพทองธาร กลับมาปฏิบัติหน้าที่ได้ปกติ และขับเคลื่อนประเทศต่อได้อีก 2 ปี ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งใหม่ แต่หากเป็นในทางลบและหลุดจากตำแหน่งด้วยเหตุผลใดก็ตาม จะต้องไปที่สภาผู้แทนราษฎร เพื่อหาแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีใหม่ โดยขณะนี้ พรรคเพื่อไทย ยังมีอีก 1 แคนดิเดต คือ นายชัยเกษม นิติสิริ
ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองจะมีความไม่แน่นอน นายจุลพันธ์ ยังเน้นย้ำว่า การเดินหน้าเศรษฐกิจยังคงเป็นภารกิจหลักของรัฐบาลในเวลานี้ ยืนยันว่า รัฐบาลยังตั้งเป้าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ไว้ที่ 5% แม้จะเป็นเป้าหมายที่ท้าทาย แต่เราคาดว่าปีนี้ จีดีพีจะขยายตัวได้เกินกว่า 2% แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะเผชิญกับหลากหลายปัจจัยเข้ามากระทบ แต่รัฐบาลจะเดินหน้านโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปอย่างต่อเนื่อง
“ในภาวะแบบนี้ หากรัฐบาลไม่ทำอะไรเลย กระทรวงการคลังไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเลย คงมาพูดถึงเรื่องจีดีพีไม่ได้ เพราะตอนนี้จีดีพีคงต่ำกว่า 1% ไปแล้ว”
นอกจากนี้ รัฐบาลได้ขับเคลื่อนงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 115,000 ล้านบาท ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีไปแล้ว จะนำไปใช้ในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน ระบบน้ำ และสาธารณูปโภคพื้นฐาน คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 80–90% ของงบทั้งหมด ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อการจ้างงานในระดับท้องถิ่น และช่วยเพิ่มการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ
“โครงการลงทุนขนาดเล็กในระดับพื้นที่จะช่วยให้เม็ดเงินหมุนเร็ว และลงถึงประชาชนในพื้นที่เปราะบางโดยตรง โดยเฉพาะชายแดนภาคใต้และภาคอีสาน”