Roadmap ขยะพลาสติก ติดหล่ม ‘รีไซเคิล’
การจัดการขยะพลาสติกยังเป็นปัญหาใหญ่ในประเทศไทย โดยในปริมาณขยะที่เกิดขึ้น 27 ล้านตันต่อปี ในจำนวนนี้เป็นขญะพลาสติกมากถึง 2 ล้านตันต่อปี แต่สามารถนำพลาสติกใช้แล้วกลับเข้าสู่ระบบรีไซเคิลได้เพียง 21% เท่านั้น ขณะที่นโยบายและมาตรการด้านการจัดการขยะมูลฝอยและขยะพลาสติก ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยอยู่ระหว่างการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการจัดการขยะพลาสติกระยะที่ 2 ปี พ.ศ. 2566-2570 ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า ไม่สามารถจัดการปัญหาขยะพลาสติกอย่างเป็นรูปธรรมได้ อีกทั้งหลายมาตรการที่ตั้งเป้าไว้ไม่สามารถทำได้จริง จำเป็นต้องทบทวนแผนขยะพลาสติกก่อนจะก้าวสู่ระยะต่อไป พร้อมทั้งกระตุ้นให้รัฐบาลมุ่งมั่นจัดการขยะพลาสติกอย่างจริงจัง
PPP Plastics สมาคมความร่วมมือภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม เพื่อจัดการพลาสติกและขยะอย่างยั่งยืน พร้อมองค์กรพันธมิตรกว่า 40 องค์กร ขยายความร่วมมือภาคีเพื่อจัดการพลาสติกตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน พร้อมจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงาน Roadmap การจัดการขยะพลาสติกของประเทศไทยและการสร้างระบบนิเวศหมุนเวียนพลาสติก (Plastics Circularity Ecosystem) รวมทั้งการพัฒนาระบบฐานข้อมูลสำหรับระบบ EPR (Extended Producer Responsibility) หรือ การขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิตครอบคลุมตลอดทั้งวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น เมื่อวันก่อน
ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ในฐานะประธานเครือข่าย PPP Plastics และ นายกสมาคมความร่วมมือภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม เพื่อจัดการพลาสติกและขยะอย่างยั่งยืน กล่าวว่า สถานการณ์ขยะของไทยแนวโน้มเพิ่มขึ้น ขยะพลาสติกประมาณ 2 ล้านกว่าตัน มีการจัดการนำกลับเข้าระบบรีไซเคิลได้ 21 % โดยมีเป้าหมายรีไซเคิลขยะพลาสติก 25% ภายในปี 2570 ซึ่งเป็นเป้าที่ต่ำเมื่อเทียบกับระดับสากลอยู่ที่ 70% แต่ไทยก็ยังไปไม่ถึง ขณะที่แผนปฏิบัติการจัดการขยะพลาสติก ระยะที่ 1 ไทยประกาศเป้าแบนพลาสติก 7 ชนิด ยังไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะขาดกฎหมายควบคุม
ส่วนพลาสติกฝาขวดน้ำดื่มเลิกได้ง่าย เพราะผู้บริโภคเข้าใจ ผู้ผลิตลดค่าใช้จ่าย เรียกว่า ” WIN WIN “ แต่พลาสติกชนิดอื่นๆ มีผู้ได้ ผู้เสีย ยากดำเนินการและใช้เวลา กรณียกเลิกไม่เติมสารออกโซในพลาสติกทุกวันนี้ก็ยังใช้สารนี้อยู่ ต้องอาศัยความร่วมมือหลายหน่วยงาน รวมถึงการหาแนวทางนำพลาสติกกลับเข้าระบบรีไซเคิลมากที่สุดผ่านการผลักดันกฎหมาย EPR สร้างระบบให้ผู้ผลิตพลาสติกนำพลาสติกหลังบริโภคกลับมาได้มากที่สุด ขณะนี้กรมควบคุมมลพิษอยู่ระหว่างร่างกฎหมาย EPR ต้องเร่งขับเคลื่อนให้ทันแผนจัดการขยะพลาสติก
“ ผลกระทบที่น่าวิตกพลาสติกที่ใช้แล้วเมื่อ 50 ปีก่อน เกิดการแตกออกปนเปื้อนในสภาวะแวดล้อม โดยเฉพาะในทะเลในรูปแบบไมโครพลาสติกและเข้าสู่ห่วงโซ่อาหาร ไทยตรวจพบไมโครพลาสติก 78 ชิ้นในปลาทูไทย 1 ตัว เสี่ยงสะสมในร่างกายของมนุษย์ อันตรายต่อสุขภาพในอนาคต จำเป็นต้องมีกฎหมายควบคุม เราตกม้า เคยมี ร่าง พ.ร.บ.จัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-waste) กฎหมายฉบับนี้มีการกำกับดูแลการจัดการด้วยหลักการ EPR แต่น่าเสียดายกฎหมายตกไป ต้องทำใหม่ “ ดร.วิจารย์ กล่าว
ก่อนจะเดินหน้าตั้งเป้าในแผนจัดการขยะพลาสติก ระยะที่ 3 ตามโรดแมฟ ดร.วิจารย์ระบุจำเป็นต้องทบทวนการดำเนินงานตามระยะ 1 และ ระยะ 2 เสียก่อน อีกทั้งการเจรจาสนธิสัญญาพลาสติกโลกที่เจนีวาจบลงไป ซึ่งจะเป็นอีกเครื่องมือแก้วิกฤตมลพิษพลาสติกทั่วโลกแต่ล้มเหลวเรื่องข้อตกลงลดการผลิตพลาสติกที่เพิ่มขึ้น ไทยจะต้องเตรียมพร้อมกำหนดมาตรการและวางระบบให้ชัดเจน พลาสติกมีข้อดีราคาถูก น้ำหนักเบา ถนอมอาหารได้ดี หลังใช้แล้วหากไม่จัดการจะเป็นมลพิษพลาสติก จะบริหารจัดการขยะพลาสติกอย่างไรไม่ให้ไหลลงแม่น้ำและทะเล ต้องผลักดันระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ตั้งแต่ออกแบบการผลิตและการบริโภคให้ยั่งยืน ใช้พลาสติกน้อย ใช้ซ้ำได้ หรือกลับมารีไซเคิลได้
ประธานเครือข่าย PPP Plastics กล่าวว่า ทางออกภาครัฐต้องการจัดการขยะพลาสติกอย่างต่อเนื่อง แก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค มีกฎหมายที่ภาคธุรกิจทำได้ เศรษฐกิจแบบนี้จะเดินไปอย่างไร ต้องทำให้เกิดความสมดุล ระบบรีไซเคิลต้องมีการลงทุน มีเวลาคืนทุน ปัจจุบันมีการกลับมาใช้ถุงพลาสติกในห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ สะท้อนความไม่ต่อเนื่องแก้ขยะพลาสติก นอกจากนี้ จะต้องผลักดันโมเดลจัดการขยะพลาสติกร่วมกับท้องถิ่น เพราะพลาสติกมากับขยะ สร้างระบบบริหารจัดการที่ไม่เป็นภาระท้องถิ่น รวมถึงสร้างระบบแยกขยะในคอนโดมิเนียม เริ่มนำร่องในพื้นที่กรุงเทพฯ ร่วมกับ กทม.
“ แก้ปัญหาขยะพลาสติกต้องบูรณาการการจัดการ เวทีรวมพลังภาคีสร้างระบบนิเวศหมุนเวียนเศรษฐกิจครั้งนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เข้าร่วม 2 กระทรวงหลักมีบทบาทขับเคลื่อนการจัดการขยะและขยะพลาสติกและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนประเทศไทย ซึ่งจะเป็นทางออกแก้ไขปัญหาขยะพลาสติก ด้านเครือข่าย PPP Plastics มีแผนลงทุนสร้างระบบแยกขยะให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เพิ่มระบบถังขยะ เพราะพบว่า ประชาชนจำนวนมากตระหนัก ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้ว แต่โครงสร้างพื้นฐานกลับไม่รองรับ นอกจากนี้ จะขยายผลยกระดับระบบซาเล้ง ร้านขายของเก่า ส่งเสริมความรู้และสนับสนุนอุปกรณ์เครื่องชั่งสร้างระบบนิเวศหมุนเวียนเศรษฐกิจ จะนำร่อง ถอดบทเรียน นำไปสู่การขับเคลื่อนเชิงนโยบาย “ ดร.วิจารย์ กล่าว
นายธนัญชัย วรรณสุข รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า กรมควบคุมมลพิษเป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบกำหนดนโยบายและมาตรการจัดการขยะมูลฝอยและขยะพลาสติก ไทยอยู่ระหว่างการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการจัดการขยะพลาสติก ระยะที่ 2 ที่ผ่านมา PPP Plastics ในฐานะองค์กรกลางเชื่อมต่อการทำงานภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม ร่วมกับ ทส. เกิด 40 โครงการ ลดปริมาณขยะพลาสติก เพิ่มอัตราการ รีไซเคิล และสร้างมูลค่าเพิ่มจากวัสดุใช้แล้ว สนับสนุน Roadmap การจัดการขยะพลาสติกด้วยหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน การจัดการพลาสติกไม่ใช่เพียงเรื่องสิ่งแวดล้อม แต่คือการลงทุนเพื่ออนาคตประเทศและโลกใบนี้
รศ.ดร.เติมศักดิ์ ศรีคิรินทร์ผอ.ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ อว. กล่าว อว. เป็นหน่วยงานหลักผลักดันโมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียน BCG (Bio-Circular-Green Economy)ที่ผ่านมา ดำเนินงานร่วมกับ PPP Plastics หลายมิติ มีโครงการฮับรีไซเคิลครบวงจร หรือ Smart Recycling Hub ตั้งเป้าจะนำพลาสติกใช้แล้วคุณภาพสูงกลับเข้าสู่ระบบการผลิตให้ได้อย่างน้อย 50,000 ตันต่อปี โครงการสร้างศูนย์นวัตกรรมคัดแยกและแปรรูปวัสดุหมุนเวียนบ้านฉาง หรือ MRF บ้านฉาง ร่วมกับเทศบาลตำบลบ้านฉาง จ.ระยอง ในรูปแบบวิสาหกิจชุมชน อว.มุ่งมั่นใช้พลังของวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ขับเคลื่อนการจัดการพลาสติกอย่างยั่งยืนและสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนจัดการขยะพลาสติก
“ ด้านเทคโนโลยีได้สนับสนุนภาครัฐและเอกชนแก้ปัญหาด้วยองค์ความรู้ขั้นสูงผ่านความร่วมมือหลากหลายรูปแบบ ทั้งยังมีกองทุนวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรมรองรับประเด็นเศรษฐกิจสังคมสิ่งแวดล้อม ด้านกำลังคนจะพัฒนาผู้เชี่ยวชาญจากภาคการศึกษาจากโพลิเมอร์อีโค การจัดการของเสียเศรษฐกิจหมุนเวียน ในเรื่องออกแบบต้องมองทั้งระบบตั้งแต่ต้นจนจบ ความท้าทายพลาสติกเป็นวัสดุที่มีมูลค่าไม่สูง แต่ต้องมีการติดตาม ต้องเป็นโปรแกรมวิจัยขนาดใหญ่เกี่ยวข้องกับหลายภาคส่วน ไม่ใช่วิจัยแยกย่อย เพื่อนำไปสู่การใช้พลาสติกอย่างยั่งยืน “ รศ.ดร.เติมศักดิ์ กล่าว
นอกจากติดตามความก้าวหน้าการขับเคลื่อน Roadmap จัดการขยะแล้ว ภายในงานสัมมนารายงานความคืบหน้าการจัดการขยะพลาสติกในทะเล วิศรา หุ่นธานี สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย กล่าวว่า ประเทศไทยติดอันดับปริมาณขยะในทะเลสูงอันดับ 10 ของโลก แม้อันดับลดลง แต่ปริมาณขยะในทะเลกลับเพิ่มขึ้น จากข้อมูลปริมาณขยะทะเล 30,000 ถึง 45,000 ตันต่อปี ต้นทางของขยะในทะเลอยู่บนแผ่นดินและอยู่ในมหาสมุทรมาจากจงใจทิ้งหรือการปล่อยทิ้งขว้างสู่สภาพแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่งทุกคนมีส่วนร่วมสร้างขยะในทะเลเศษความรับผิดชอบ สถานภาพขยะทะเล ปี 66 ขยะมูลฝอยเกิดขึ้นรวม 11ล้านตันสัด ส่วนขยะที่สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ 3.09 ล้านตัน หรือร้อยละ 26 มีการกำจัดถูกต้อง 6 ล้านตัน ร้อยละ 51 กำจัดไม่ถูกต้อง 2.5 ล้านตัน ร้อยละ 21 โดยร้อยละ 12 เป็นขยะพลาสติก ร้อยละ 10 ถึง 15 ของขยะพลาสติกเหล่านี้จะมีโอกาสตกค้างบริเวณชายหาดและถูกชะพัดพาลงทะเลกลายเป็นขยะทะเล
ปัญหาของขยะในทะเลไทย ผลจากการท่องเที่ยวพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติสูง มีเกาะกว่า 936 แห่ง ขยะทะเลส่วนใหญ่เป็นพลาสติกถึง 88% เกิดผลกระทบต่อสัตว์ทะเลแนวปะการังการท่องเที่ยว ขณะที่เกาะไม่มีพื้นที่กำจัดขยะอย่างเหมาะสม นักท่องเที่ยวสร้างผลกระทบต่อระบบนิเวศชายฝั่งและเกาะมีการแก้ปัญหาด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนมีการจัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการบริโภคอย่างพอดี
วิศรา กล่าวว่า แนวทางจัดการขยะพลาสติกบนเกาะ TEI มี”ลันตาโมเดล” จ.กระบี่ ต้นแบบการจัดการขยะที่ยั่งยืนด้วยพลังความร่วมมือและแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและอนาคตที่ยังยืนของเกาะ เกาะลันตารับนักท่องเที่ยวกว่า 1 ล้านคนต่อปี เจอปัญหาขยะมูลฝอยและขยะพลาสติกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ช่วงฤดูท่องเที่ยวมีขยะมากกว่า 40 ตันต่อวัน และมีขยะตกค้างสะสมกว่า 45,000 ตัน กระทบสิ่งแวดล้อมและท่องเที่ยว ต้องจัดการก่อนไหลลงทะเล มีการประยุกต์ใช้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนตามวาระแห่งชาติ BCG โมเดลใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า ลดของเสีย เพิ่มรายได้ รวมถึงลดใช้ซ้ำ รีไซเคิล แปรรูป และกำจัด สร้างความร่วมมือรัฐเอกชนและชุมชน ซึ่งกลไกขับเคลื่อนมีอำเภอ-สถาบันสิ่งแวดล้อมไทยเป็นพี่เลี้ยงหลักหนุนข้อมูลวิชาการและบริหารจัดการที่เหมาะสม ซึ่งอปท. ต้องนำนโยบายไปขับเคลื่อนต่อ เพื่อเป็นต้นแบบในการจัดการขยะเกาะ ช่วยปริมาณขยะพลาสติกในหลุมฝังกลบลดลง เป็นโมเดลที่สามารถขยายผลให้กับเกาะต่างๆ ในประเทศไทย
สำหรับข้อเสนอแนะจากการประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้จะรวบรวมและจัดทำเป็นเอกสารข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อนำเสนอต่อกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อพิจารณาในการจัดทำแผนปฏิบัติการระยะที่ 3 ของ Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พร้อมทั้งใช้เป็นแนวทางการผลักดันนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนจากวัสดุใช้แล้วและการจัดการขยะอย่างยั่งยืนในระดับประเทศต่อไป