ตำรวจแนะ นร.กัมพูชา กลับไปทำเอกสารให้ถูกต้องก่อนค่อยกลับมาเรียน
จากกรณีเหตุการณ์ ครูนักเรียนร้องไห้กอดกัน หลังจากตำรวจพาแม่ชาวกัมพูชา ไปเชิญตัวเด็กชาย อายุ 13 ปี ออกจากโรงเรียนบัวเชดวิทยา อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ เพื่อผลักดันกลับประเทศกัมพูชา หลังพบว่าไม่มีเอกสารที่ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด พ.ต.อ.สราวุธ ศรีวิฑูลย์ศักดิ์ ผกก.สภ.บัวเชด ได้เชิญครูที่โพสต์เรื่องดังกล่าว และคณะเพื่อนครูของโรงเรียนดังกล่าว พร้อมด้วยพ่อของเด็กนักเรียนชาย เข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติม และทำความเข้าใจกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
นางสูพล หงปัญญา ผู้ใหญ่บ้านโนนสังข์ หมู่ 10 ต.บัวเชด อ.บัวเชด บอกว่า พ่อเลี้ยงของเด็กคือ นายใบ 67 ปี ชาวบ้านโนนสังข์ ได้อยู่กินกับ นางมอม ชาวกัมพูชา อายุประมาณ 40 กว่าปี โดย นางมอม ได้นำลูกติดมาด้วยตั้งแต่อายุ 8 ขวบ จากนั้นก็เข้าเรียญหนังสือจนจบประถม และต่อชั้นมัธยมปีที่ 1 ปัจจุบัน ซึ่งผู้ใหญ่บ้านเพิ่งมารับตำแหน่งไม่กี่ปี ก็พยายามสอบถาม นางมอม ว่ามีเอกสารถูกต้องหรือไม่ นางมอม ก็บอกว่ามีพาสปอร์ตต่อตลอด และหลังถูกจับก็บอกว่าพาสปอร์ตขาดไป 4-5 ปีแล้ว ส่วนเอกสารพาสปอร์ตตัวจริงมีหรือไม่ตนก็ไม่เคยเห็น นางมอม เอาให้ดู
ซึ่งสองแม่ลูกก็ถูกคุมตัวไปที่ สนง.ตม.สุรินทร์ อ.กาบเชิง เพื่อรอผลักดันกลับ ขณะที่สองแม่ลูกก็เข้าใจแล้ว โดย เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้อธิบายให้เข้าใจถึงสถานกานณ์ชายแดน และต้องผลักดันกลับเนื่องจากไม่มีเอกสารที่ถูกต้อง และให้สองแม่ลูกกลับไปทำเอกสารให้ถูกต้องก่อน เมื่อเหตุการณ์สงบจึงค่อยกลับมาเรียนเหมือนเดิม ซึ่งสองแม่ลูกก็เข้าใจ และจะทำตาม ส่วนการเรียนก็พักไว้ก่อน
ทั้งนี้สองแม่ลูกได้ถูกนำตัวไปควบคุมไว้ที่ สภ.กาบเชิง ตั้งแต่เมื่อวานนี้ จากนั้นก่อนเที่ยง จนท.ตม.สุรินทร์ ได้นำสองแม่ลูกเดินทางไปยังจุดผ่านแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อผลักดันกลับประเทศแล้ว
พ.ต.อ.สราวุธ ศรีวิฑูลย์ศักดิ์ ผกก.สภ.บัวเชด กล่าวว่า มีคนร้องเรียนมาว่ามีคนต่างด้าวเข้ามาอาศัยอนู่ในพื้นที่ ตำรวจจึงเข้าไปตรวจสอบ จนกระทั่งพบตัว ช่วงเช้าพบคนเป็นแม่ เขาบอกว่ามีลูกด้วย และหลักฐานก็ไม่มี เราจึงไปเชิญตัวจากโรงเรียน เอามาตรวจสอบ ก็ไม่มีหลักฐานเข้ามาโดยถูกต้อง เราจึงได้ดำเนินการแจ้งข้อหาในเรื่องของหลบหนีเข้าเมือง ซึ่งเราได้แนะนำสองแม่ลูกไปแล้วว่า เข้าเมืองมาไม่ถูกต้อง ต้องกลับไปทำให้ถูกต้องก่อนเข้ามา อาจจะมาช่องทางอื่นที่เปิด หรือเครื่องบิน ก็สามารมาเรียนได้ปกติ คณะครูและสองแม่ลูกก็เข้าใจ ซึ่งสุรินทร์ก็มีการกวาดล้างบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองเป็นประจำอยู่แล้ว ยิ่งในห้วงสถารณ์ไม่ปกติ ซึ่งเราก็เห็นใจเด็ก แต่ก็ต้องทำให้ถูกต้องตามที่แนะนำไป.