ระวัง…แค้นของคนบ้า!
วันนี้แหละ…..๗ สิงหา.
จะได้รู้กันว่า “ไทย-เขมร” จะรบกันต่อหรือพอแค่นี้!?
พี่น้องตามศูนย์อพยพคงใจจด-ใจจ่อ รอฟังผลการประชุม GBC ของ “ชุดใหญ่” ที่มาเลย์ ว่าจะเห็นพ้องต้องกันหรือไม่?
ตามข้อเสนอที่ “คณะทำงาน” ๒ ฝ่าย ถกกัน ๓ วัน ๓ คืน จนได้ข้อสรุปที่ลงตัว
และเสนอให้ “ชุดใหญ่” ชี้ขาดในวันนี้?
ก็อยู่ที่ “พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์” ผู้ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีกลาโหมไทย กับ “พลเอกเตีย เซ็ยฮา” รัฐมนตรีกลาโหมเขมร
๒ ท่านนี้แหละ ถ้าคุยกันแล้ว “โอเค” ร่วมกัน ชาวบ้านคงเฮ
เพราะจะได้กลับไปให้ข้าวหมา ให้หญ้า-ให้น้ำ วัว-ควาย ที่บ้านกันซะที!
เมื่อวาน ผมเดาผลเจรจาล่วงหน้าไปว่า สุดท้ายไม่แคล้ว “บัวแล้งน้ำ”!
แต่อย่าฟังผม ฟังที่พลเอกณัฐพลใบ้เลขไว้ ๓ ตัวชัวร์กว่า ถึงไม่ถูกเต็ง ยังไงๆ ก็ต้องถูกโต๊ดแหงๆ
คือท่านบอกว่า ฝ่ายเขมรจะยอมรับข้อเสนอที่เราเสนอไปทั้งหมดหรือไม่ แบ่งเป็น ๓ ระดับ คือ
-“ระดับกองเลขาฯ” ถือว่าจริงใจ ระดับที่ ๑ ซึ่งก็ผ่านแล้ว
-๗ สิงหา.นี้ ประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของทั้งสองประเทศ ก็จะวัดความจริงใจระดับที่ ๒
ถ้าเป็นไปตามนี้…..
ไทยและกัมพูชาก็ผ่านความจริงใจไป ๒ ระดับ
เหลือแต่ระดับ ๓ ว่า…..
เมื่อ “ปฏิบัติจริง” เขา (เขมร) ทำตามหรือไม่?!
การเจรจาตกลงอะไรกับเขมร ประเด็นสำคัญ มันอยู่ที่ระดับ ๓ นี้แหละ
คือมันมีอะไรมั้ย ที่ตกลงกันแล้ว เขมรทำตามที่ตกลงกันไว้?
ของเรา เรื่องที่จะไปตกลง ต้องผ่านความเห็นชอบของ สมช.และ ครม.ก่อน ในทางปฏิบัติ “เบี้ยวไม่ได้” เพราะเท่ากับเป็นสัญญาของรัฐ
แต่ของเขมร ในการเจรจา ตกลงก็ตกลงไป แต่เวลาปฏิบัติ อยู่ที่ฮุน เซน คนเดียว!
ฉะนั้น วันนี้ สมมุติ พลเอกณัฐพล กับพลเอกเตีย เซ็ยฮา เจรจากันแล้ว ผ่านระดับ ๒ เรียบร้อย
มันก็จะเป็นปัญหาอยู่ตรง “ระดับ ๓” นี่แหละว่า เมื่อปฏิบัติจริง เขมรจะทำตามที่ตกลงหรือไม่?
พลเอกเตีย เซ็ยฮา ไม่ใช่ “ตรารับประกัน” เพราะเขมรคือฮุน เซน และฮุน เซนคือประเทศเขมร!
เจ๋งหรือไม่เจ๋ง ก็ดูเอา ขนาด “กษัตริย์เขมร” ยังต้องทั้งไหว้-ทั้งกราบ ๒ พ่อลูกตระกูลฮุน ฉะนั้น ประเทศนี้ มันอยู่ที่ใคร ตอบได้ไม่ยากมิใช่หรือ!
ตอนนี้ “ผีถ้วยสตาร์บัคส์” เข้าสิงฮุน เซนแล้วละ ไม่รู้อะไรผิด-อะไรถูก กระหยิ่มในความอัปยศว่า ประเทศเป็นขี้ข้าเก่าฝรั่งเศส
มีเรื่องอะไรก็มียุโรป “ลูกพี่” เป็นกองหนุน
ถึงวันนี้ ก็ยังหลงเช่นนั้นอยู่ จึงเห็น มีเรื่องกับไทยปุ๊บ ปั้นเรื่องเท็จไปฟ้ององค์กรโลกปั๊บ หวังว่ายุโรปเชื่อแล้วจะช่วย เหมือนเรื่อง “พระวิหาร”
แต่ตอนนี้ สังคมโลกเขารู้เช่นเห็นสันดาน “เขมรกะล่อนโลก” กันหมดแล้ว เมื่อเขารู้ ความกะล่อนของเขมรยิ่งช่วยขับเน้นความเป็น “สุภาพบุรุษ” ของไทย ให้เด่นชัดและน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น!
ฉะนั้น ในภาพรวมตอนนี้….
เขมรแพ้ทั้งในสนามรบ ที่เกลื่อนไปด้วยซากศพทหารเขมร
แพ้ทั้งในเวทีโลก เขมรกลายเป็นประเทศ “เด็กเลี้ยงแกะ” ไม่ว่าองค์กรไหนของเขมรออกมาแถลง ชาวโลกจะบอกว่า…ไอ้เด็กเลี้ยงแกะมาอีกแล้ว!
ค่าของคน อยู่ที่การทำตัวให้เชื่อถือได้
ดูอย่างนายกฯ ไทยวันนี้กับพ่อของเขาซิ เวลานี้ มีใครเชื่อถือบ้าง กลายเป็นขยะรอการเก็บไปแล้ว
“ฮุน เซน-ฮุน มาเนต” สองพ่อลูกก็มีชะตาไม่ต่างกัน มีสภาพเป็นสิ่งปฏิกูลรอการชำระอยู่เห็นๆ!
ประเทศไทยโชคดี ในทางการเมืองแม้ “รัฐบาลล้มเหลว” แต่ ในความเป็นรากฐานประเทศ มีภาคข้าราชการ เช่นกองทัพ กระทรวงต่างประเทศ รวมทั้งคนไทย
เป็นทั้งแกน เป็นทั้งเนื้อ-ทั้งไส้ในประเทศ
อันมี “สถาบันพระมหากษัตริย์” และองค์พระผู้ดำรงธรรม เป็นศูนย์รวมของคนในชาติและเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้รวมเป็นหนึ่ง
แต่เขมร ล้มเหลวตั้งแต่ยอดยันราก ….
น่าเสียดาย “นครวัด-นครธม” อายุร่วมพันปี เป็นสมบัติบ่งบอกความเป็นอารยะ
แต่วันนี้ สองพ่อลูกตระกูลฮุน ไม่ต่าง “ลิงได้แก้ว” นอกจากไม่รู้คุณค่าแล้ว ยังใช้ความป่าเถื่อนของตัวเองทำลายความเป็นอารยชาติแต่บรรพกาลจนหมดสิ้น!
เมื่อเป็นเช่นนี้……
แม้ผลเจรจา GBC วันนี้ จะออกมาดี ก็ยังเชื่อไม่ได้ เพราะขนาดกษัตริย์เขมรยังต้องอยู่ในคำสั่งฮุน เซน
แล้วพลเอกเตีย เซ็ยฮา แค่รัฐมนตรีกลาโหมฮุน เซนตั้ง จะใหญ่กว่ากษัตริย์เขมรงั้นหรือ?
ฉะนั้น ประเมินแล้ว ฮุน เซนตอนนี้ กระอักเลือดเป็นกาแฟสตาร์บัคส์เป็นลิ่มๆ เพราะแพ้ไทยทุกทาง
ยิ่งถูก พล.ท.บุญสินพาดเข้าที่กลางกระบาล ยึดพื้นที่ ๑๑ จุด
“ภูมะเขือ, ช่องอานม้า, ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาควาย, แนวเขตแดนช่องบก, โดนตวล, สัตตะโสม, ช่องจอม, ช่องสายตะกู, บ้านกรวด และพลาญยาว” กลับคืนมา
หลังจากเขมรรุกล้ำแล้วตีขลุมเป็นดินแดนของเขามาเป็นสิบๆ ปี ซึ่งมันอัปยศถึงโคตรตระกูลฮุน ขนาดนั้นเลย
จะปั้นฮุน มาเนต “ลูกชาย” เป็นวีรบุรุษแทนพ่อซักหน่อย แต่…หนอย ให้ไปรบปี ๒๕๕๔ ดันแพ้ไทย
ถูกถล่มหนีตายจนต้องขอหย่าศึกกับไทย ฉิบหาย-หน้าแหกไปทีแล้ว
ครั้งนี้ กะให้เป็นนัดล้างตา ถล่มจรวด BM-21 ใส่โรงพยาบาล ร้านค้า ปั๊มน้ำมัน บ้านเรือน ไฟไหม้ พังพินาศ ชาวบ้านตายเป็นสิบ
แล้วให้ “มาลีกระดี่ดอน” แถลงว่าไทยทำเอง หวังสร้างเหตุ!
พร้อมส่งทหารบุกตลอดแนว กะยึดปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก ภูมะเขือ
ฮุน มาเนตแถลง ทหารเขมรตาย ๕!?
แต่ที่ทิ้งศพเป็น “กองพลผีดิบ” คาป่าอีกเป็นพัน ไม่พูดถึง
“ฮุน มาเนต” ที่พ่อปั้นกะให้เป็น “วีรบุรุษนักรบ” กลายเป็น “เศษบุรุษนักพ่าย” พาทหารเขมรไปตาย ถึง ๒ ครั้ง ๒ ครา
พ่อก็คลั่งไปเท่านั้น!
“หมาบ้าน” พอวางใจได้ แต่ “หมาบ้า” อย่าวางใจเป็นอันขาด ฮุน เซน ก็ประมาณนั้น ซักวัน มันต้องสั่ง “ใส่ก่อน” แน่!
ไทยจะยอมเป็นพระเอกที่ต้องเจ็บตัวก่อนอยู่เรื่อย แบบนั้น ขอให้มีอยู่แต่ในนิยายหรือในหนังก็พอ อย่าให้เป็นชีวิตจริงของคนไทยบ่อยนักเลย
ไม่ได้หมายให้ไปเปิดก่อน แต่ผมหมายถึงว่า ไทยเราต้อง “ตีรุก” ในเวทีโลก เป็นโจทก์ “ประจานเขมร” ซะบ้าง อย่าปล่อยให้มันตั้งตัว
ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้เบิ๊ดกระบาลเขมรหรอก เพราะเดี๋ยวมันก็ “เปิดก่อน” เชื่อเหอะ!
เรื่องการศึกน่ะ มันมีหลายรูปแบบ ใช่ว่าต้องใช้อาวุธอย่างเดียว คนไทยเก่งจะตายไป ไม่เชื่ออ่านนี่ซี
…………………………………………..
“ไข่เจียวทำศึก!”
ศึกที่ช่องตาควาย…ไม่ต้องยิงสักนัด ทหารไทยใช้วิธีสุดปั่น แต่ได้ผลเกินคาด!
เมื่อทหารเขมรในปราสาทตาควายเริ่มหิวจัด เพราะออกไปไหนไม่ได้ กลัวเหยียบกับระเบิดที่ *ตัวเองเป็นคนวาง*
ทหารไทยเลยจัดให้… **เจียวไข่!**
แต่ไม่ได้ทำเพื่อกินเองเฉยๆ นะครับ
**เขาเจียวริมลม** แล้วปล่อยให้กลิ่นไข่เจียวลอยฟุ้งเข้าไปในเขตศัตรู ให้ลมของ "ชัยวรมัน" พัดความหอมเข้าไปสะกิดกระเพาะฝ่ายตรงข้ามแบบเนียนๆ
ทหารเขมรถึงกับต้องตะโกนขอข้าว!!
แน่นอน…ทหารไทยยิ้ม พร้อมเสิร์ฟความหิวแบบไร้น้ำใจ 555
นี่แหละ ยุทธวิธี “สงครามไข่เจียว”
#ตาควายเดือด #กลิ่นไข่เจียวฆ่าคนได้
……………………………………………
ไม่ว่าอยู่ในสถานการณ์ไหน คนไทยฮาได้ทุกที่ กูเงี้ย…เชื่อเลย!
-เปลว สีเงิน
๗ สิงหาคม ๒๕๖๘
คนปลายซอย