อิสราเอลเผยเตรียมโจมตียึด ‘กาซาซิตี’ เร็วๆ นี้
× กรุณาติดต่อทีมงานเพื่อดาวน์โหลดคลิป
เยรูซาเล็ม, 18 ส.ค. (ซินหัว) — เมื่อวันอาทิตย์ (17 ส.ค.) เอยาล ซามีร์ เสนาธิการกองทัพอิสราเอล เปิดเผยว่ากองทัพอิสราเอลจะเปิดฉากโจมตีครั้งใหม่ เพื่อยึดครองเมืองกาซาซิตีเร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางที่ใหญ่ที่สุดในฉนวนกาซา แม้จะมีเสียงเตือนจากนานาชาติถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อพื้นที่ที่ถูกทำลายอย่างหนักแล้วก็ตาม
ซามีร์กล่าวข้อความข้างต้นระหว่างลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมกองกำลังและหารือกับผู้บัญชาการระดับสูง พร้อมกำหนดแผนการสู้รบในขั้นต่อไป โดยระบุว่าอิสราเอลกำลังจะเข้าสู่ระยะต่อไปของปฏิบัติการ “รถศึกแห่งกิเดียน” (Gideon’s Chariots) ซึ่งปฏิบัติการนี้หมายถึงการที่อิสราเอลหวนกลับมาโจมตีกาซาในเดือนมีนาคม หลังจากยุติการหยุดยิงซึ่งรวมถึงการปล่อยตัวประกันที่แบ่งออกเป็นระยะ
ซามีร์ระบุว่าในระยะต่อไปกองทัพจะเพิ่มการโจมตีฮามาสในเมืองกาซาซิตีอย่างต่อเนื่องจนกว่าอีกฝ่ายจะพ่ายแพ้ราบคาบ โดยอิสราเอลจะใช้ขีดความสามารถทั้งหมดทั้งทางบก ทางอากาศ และทางทะเล พร้อมเสริมว่ากองทัพยังมีความรับผิดชอบที่จะต้องนำตัวประกันที่ถูกควบคุมไว้ในกาซากลับมา ไม่ว่าจะยังมีชีวิตหรือเสียชีวิตแล้วก็ตาม
แถลงการณ์นี้มีขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากอิสราเอลประกาศแผนเคลื่อนย้ายประชาชนออกจากเมืองกาซาซิตี โดยสำนักงานผู้ประสานงานกิจกรรมภาครัฐในดินแดน (COGAT) สังกัดกระทรวงกลาโหมอิสราเอล ซึ่งดูแลปฏิบัติการด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซา ระบุว่ามีกำหนดเริ่มแจกเต็นท์ให้กับพลเรือนในวันอาทิตย์ (17 ส.ค.) เพื่อเตรียมเคลื่อนย้ายประชากรออกจากพื้นที่สู้รบไปยังตอนใต้ของกาซา
ขณะเดียวกัน กลุ่มฮามาสได้ออกแถลงการณ์ประณามแผนดังกล่าว โดยมองว่าเป็น”การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และการขับไล่ระลอกใหม่” ที่จะส่งผลกระทบต่อชาวเมืองกาซาซิตีนับแสนคน
ทั้งนี้ หน่วยงานสาธารณสุขในกาซารายงานว่ามีชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 61,944 รายเสียชีวิต และอีก 155,886 รายได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีและการยิงของกองทัพอิสราเอล นับตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. 2023 ซึ่งเป็นวันที่กลุ่มฮามาสเปิดฉากโจมตีอิสราเอลครั้งใหญ่
เมื่อวันอาทิตย์ (17 ส.ค.) หน่วยงานสาธารณสุขฯ ระบุว่าผู้คนในกาซายังคงเผชิญภาวะอดอยาก โดยโรงพยาบาลรายงานผู้เสียชีวิตจากความหิวโหยและภาวะทุพโภชนาการอีก 7 ราย ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งในจำนวนนี้เป็นเด็ก 2 ราย ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตจากความอดอยากเพิ่มเป็น 258 รายแล้ว โดยในจำนวนนี้มีเด็ก 110 ราย