ยุโรปสั่งเพิ่มค่าปรับ หลังเจอนักท่องเที่ยวล้น ทำผิดกฎจนรบกวนคนท้องถิ่น
ผิดน้อย-ผิดมาก ก็มีโอกาสเสียเป็นแสน
เที่ยวบินของคุณเพิ่งลงจอดที่เมืองอันตัลยา ประเทศตุรกี และคุณแทบจะรอไม่ไหวที่จะลงจากเครื่อง คุณปลดเข็มขัดนิรภัย ลุกจากที่นั่ง และคว้ากระเป๋าจากช่องเก็บของเหนือศีรษะอย่างกระตือรือร้นที่จะเริ่มต้นวันหยุดของคุณ แต่แล้วคุณกลับโดนพนักงานเรียกตัวไปจ่ายค่าปรับเป็นเงิน 62 ยูโร! หรือประมาณ 2,400 บาท เพราะดันปลดเข็มขัดนิรภัยและลุกออกจากที่นั่งก่อนที่เครื่องบินจอดสนิทบนรันเวย์ ที่คือกฎระเบียบใหม่ในตุรกีที่สามารถทำให้เรา ‘รู้เท่าไม่ถึงการณ์’!
ช่วงวันหยุดฤดูร้อนนี้ ใครที่มีแพลนเที่ยวยุโรป อาจจะต้องระมัดระวังที่จะไม่แหกกฎของแต่ละประเทศ แม้จะดูเหมือนเป็นกฎระเบียบเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ยังไม่ทันสร้างความเดือนร้อนให้ใคร แต่ก็อาจตามมาด้วยค่าปรับก้อนใหญ่จนทำให้ทริปเที่ยวยุโรปต้องกร่อย กฎระเบียบที่ว่านี้ ครอบคลุมตั้งแต่การสวมรองเท้าแตะขณะขับรถไปจนถึงการสูบบุหรี่บนชายหาด กฎการปรับนักท่องเที่ยวระลอกใหม่กำลังแพร่ไปทั่วทั้งทวีป
ในเมืองอัลบูเฟรา ซึ่งเป็นเมืองริมทะเลยอดนิยมของโปรตุเกส การสวมชุดว่ายน้ำนอกชายหาดอาจทำให้คุณเสียค่าปรับสูงถึง 1,500 ยูโร หรือประมาณ 58,000 บาท ขณะที่หมู่เกาะแบลีแอริกของสเปน ซึ่งรวมถึงเกาะมายอร์กาและอิบิซา ค่าปรับสำหรับการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในที่สาธารณะอาจสูงถึง 3,000 ยูโร หรือประมาณ 116,000 บาท เลยทีเดียว
ปกป้องคนท้องถิ่น คนมาเที่ยวก็แฮปปี้
มาตรการเหล่านี้อาจดูเหมือนว่าทำให้การท่องเที่ยวยุโรปขาดความเป็นมิตร และทำลายรายได้ เนื่องจากแต่ละประเทศที่เข้มงวดกับกฎระเบียบมากขึ้น ล้วนเป็นประเทศแห่งจุดหมายปลายทางที่ทำเงินได้มหาศาลจากนักเดินทาง แต่เจ้าหน้าที่กล่าวว่า กฎเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อปกป้องผู้อยู่อาศัยและสร้างวินัยให้นักท่องเที่ยวมีความรับผิดชอบต่อชุมชนท้องถิ่น
เจสสิกา ฮาร์วีย์ เทย์เลอร์ หัวหน้าฝ่ายสื่อของสำนักงานการท่องเที่ยวสเปน ประจำกรุงลอนดอนกล่าวว่ากฎเหล่านี้ถึงแม้จะฟังดูเข้มงวดและเป็นการลงโทษที่รุนแรง แต่ทั้งหมดก็เพื่อส่งเสริมการเดินทางอย่างมีความรับผิดชอบและมีความเห็นอกเห็นใจ กฎเหล่านี้ถูกออกแบบมา ไม่ใช่แค่ดูแลคนท้องถิ่นเท่านั้น แต่จะช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้นักท่องเที่ยวทั่วไปที่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ
ในเมืองมาลากา ประเทศสเปน มีการเปิดตัวแคมเปญ 10 ข้อที่ชื่อ "Improve Your Stay" (ปรับปรุงการเที่ยวของคุณซะ!) โดยใช้ช่องทางต่าง ๆ เช่น รถประจำทาง ป้ายโฆษณา และโซเชียลมีเดีย เพื่ออธิบายพฤติกรรมที่พึงประสงค์ในเมือง รวมถึงการแต่งกายอย่างสุภาพเรียบร้อย การไม่ทิ้งขยะ การไม่สร้างเสียงดังเกินไป และการใช้สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าอย่างไม่ประมาท ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามจะถูกปรับสูงสุดถึง 750 ยูโร (ประมาณ 29,000 บาท)
ในทำนองเดียวกัน ปีนี้มีการออกข้อปฏิบัติสำหรับพื้นที่สาธารณะในเมืองอัลบูเฟรา ประเทศโปรตุเกส ซึ่งห้ามทุกอย่างตั้งแต่การเปลือยกายในที่สาธารณะ การปัสสาวะในที่สาธารณะ และการทิ้งรถเข็นช้อปปิ้งไว้ไม่เป็นที่เป็นทาง ชาวบ้านยืนยันว่า การปรับเหล่านี้ไม่ใช่แค่คำขู่ เพราะตำรวจปรากฏตัวอย่างชัดเจนในพื้นที่ไนท์ไลฟ์สำคัญ ๆ ของเมือง และมีการออกใบสั่งปรับให้นักท่องเที่ยวจริง ๆ
เข้มงวดกวดขัน เพิ่มพื้นที่บังคับใช้
ก่อนหน้านี้ กฎระเบียบถูกนำมาปฏิบัติใช้ในพื้นที่ที่เปราะบางต่อสิ่งแวดล้อมหรือพื้นที่ที่อ่อนไหวทางวัฒนธรรม เช่น หมู่เกาะกาลาปากอส หรือชุมชนชาวซามีในแลปแลนด์ แต่ปัจจุบัน กฎระเบียบถูกนำมาใช้ในที่ที่นักท่องเที่ยวพลุกพล่านและพบการทำผิดกฎบ่อย ๆ อย่างชายหาด สวนสาธารณะ นับเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลง พฤติกรรมแย่ ๆ ของนักท่องเที่ยวได้ และเจ้าหน้าที่กำลังพยายามปกป้องเมืองและผู้คนในท้องถิ่นอย่างจริงจัง
ฮวน อันโตนิโอ อาเมนกัวล นายกเทศมนตรีเมืองคาลเวีย เกาะมายอร์กา ประเทศสเปน กล่าวว่า เราต้องดำเนินการโดยคำนึงถึงสองแนวคิดหลัก คือการปกป้องและรักษาสิ่งแวดล้อม และการทำให้แน่ใจว่าการท่องเที่ยวจะอยู่ร่วมกับชาวเมืองท้องถิ่นได้อย่างสงบสุข
Overtourism นักท่องเที่ยวล้น ทำคนอาศัยเดือดร้อน
ก่อนหน้านี้ เกิดการประท้วงในสเปนที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยวและปัญหาค่าเช่าบ้านที่แพงขึ้นเป็นประเด็นที่ใหญ่และกำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ประเด็นหลักที่ทำให้เกิดการประท้วงคือ "Overtourism" หรือการท่องเที่ยวที่มากเกินไปจนส่งผลกระทบในด้านลบต่อชุมชนท้องถิ่น แม้ว่าการท่องเที่ยวจะเป็นแหล่งรายได้สำคัญของสเปน แต่จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลทุกปีได้สร้างปัญหาหลายอย่างจนชาวบ้านทนไม่ไหว
ปัญหาสำคัญที่ส่งผลให้คนท้องถิ่นเดือดร้อน คือค่าเช่าบ้านและค่าที่ดินพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง เจ้าของบ้านจำนวนมากเลือกที่จะเปลี่ยนบ้านหรืออพาร์ตเมนต์ให้เป็นที่พักระยะสั้นสำหรับนักท่องเที่ยว เพราะได้กำไรดีกว่าการปล่อยเช่าระยะยาววให้กับคนท้องถิ่น ชาวบ้านจำนวนมากจึงไม่สามารถหาที่อยู่ได้ในราคาที่เหมาะสมในเมืองของตัวเอง
เมื่อที่พักสำหรับคนท้องถิ่นลดลง ผู้คนก็ถูกบีบให้ย้ายออกไปอยู่ชานเมืองหรือพื้นที่อื่น ๆ ที่ห่างไกลออกไป ทำให้วัฒนธรรมและวิถีชีวิตดั้งเดิมของชุมชนในใจกลางเมืองเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ร้านค้าท้องถิ่นเล็ก ๆ ต้องปิดตัวลงและถูกแทนที่ด้วยร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหารสำหรับนักท่องเที่ยว หรือโรงแรม ทำให้เมืองสูญเสียเสน่ห์และเอกลักษณ์
ทั้งนี้ ปัญหาข้างต้นอาจแก้ไขไม่ได้ด้วยการออกกฏระเบียบไปยังนักท่องเที่ยว เพราะแก้ปัญหาได้แค่พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวเท่านั้น เป็นโจทย์ใหญ่ให้สเปนและประเทศท่องเที่ยวในยุโรปต้องคอยแก้ปัญหาเหล่านี้ต่อไป