ทวี ชูความสำเร็จ 22 ปี กฎหมายคุ้มครองพยาน ชี้เป็นเสาหลักสำคัญพิสูจน์ความจริง

ทวี ชูความสำเร็จ 22 ปี กฎหมายคุ้มครองพยาน ชี้เป็นเสาหลักสำคัญพิสูจน์ความจริง-เป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ให้ความยุติธรรม แจงปม DSI อาจพิจารณาดำเนินคดีผู้ขัดหมายเรียกพยานคดีฮั้วสว.

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 26 ส.ค. 2568 ที่กระทรวงยุติธรรม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “22 ปี กฎหมายคุ้มครองพยาน ยืนหยัด เคียงคู่กระบวนการยุติธรรมไทย”

โดยมี น.ส.เอมอร เสียงใหญ่ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กล่าวรายงาน และได้รับเกียรติจากผู้แทนกระทรวงกลาโหม ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ต.ท.ธัญญะ ระย้า ผอ.สำนักงานคุ้มครองพยาน และนายไพฑูรย์ สว่างกมล ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการคุ้มครองพยาน ร่วมเสวนาในหัวข้อ “22 ปี คุ้มครองพยาน ยืนหยัด เคียงคู่กระบวนการยุติธรรมไทย”

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมภายใต้แนวคิด “Voice of the shadow” รวมถึงนิทรรศการพัฒนากฎหมาย นิทรรศการแสดงความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ซึ่งมีผู้บริหารระดับสูงในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ เข้าร่วม

น.ส.เอมอร กล่าวรายงานว่า กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ แถลงความสำเร็จการบังคับใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2565 ที่มีผลบังคับใช้มากว่า 22 ปี ยืนยันบทบาทสำคัญของกฎหมายดังกล่าวในการสร้างความมั่นใจให้พยานบุคคล ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของกระบวนการยุติธรรม

ตั้งแต่เริ่มใช้กฎหมายจนถึงปัจจุบันมีพยานเข้าสู่โครงการคุ้มครองพยานแล้วกว่า 1,630 เรื่อง รวมจำนวน 3,193 ราย โดยมีการบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวข้องกับการคุ้มครองพยาน ประกอบด้วย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมราชทัณฑ์ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน สำนักงาน ป.ป.ส. สำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงาน ป.ป.ท. สำนักงาน ก.ก.ต.

โดยพยานทุกคนได้รับความปลอดภัย 100% และได้รับคำชื่นชมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าเป็นพยานที่มีคุณภาพ สามารถให้การตามข้อเท็จจริงโดยไม่ถูกแทรกแซงจากภายนอก และมีผลงานเด่นในรอบ 22 ปี ได้แก่ การคุ้มครองพยานคดีค้ามนุษย์ เช่น คดีแก๊งนกฮูก คดีค้ามนุษย์เกาหลี และสแกมเมอร์

การคุ้มครองพยานคดีความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนใต้ เช่น คดีระเบิดบิ๊กซีปัตตานี การคุ้มครองพยานคดีทุจริต เช่น คดีฟุตซอล การคุ้มครองพยานคดีเลือกตั้ง เช่น คดีการเลือกตั้งท้องถิ่น

นอกจากนี้ การแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.คุ้มครองพยาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2565 ได้ขยายความหมายของ “พยาน” ให้ครอบคลุมถึงผู้แจ้งเบาะแส ผู้ร้องทุกข์ และผู้เกี่ยวข้องในคดีทุจริตการเลือกตั้งและการทุจริตอื่นๆ ซึ่งช่วยเสริมประสิทธิภาพของกระบวนการยุติธรรมให้รัดกุมยิ่งขึ้น

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เราจะร่วมมือแก้ไขเรื่องการคุ้มครองพยานโดยอาศัยศักยภาพของแต่ละหน่วยงาน เนื่องด้วยในรอบ 22 ปี กฎหมายคุ้มครองพยานไม่ใช่เพียงเรื่องล้าสมัย แต่ยังคือเรื่องของความก้าวหน้าและการมีความหวังอันสดใส

และถึงแม้ว่าภารกิจการคุ้มครองพยานที่หน่วยงานดำเนินการจะมีภารกิจจำนวนมากนั้น วันนี้ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าแนวทางกลไกที่วางไว้ในเรื่องของการคุ้มครองพยาน มีความพอดีสมควร แต่อย่างไรก็ยังต้องพัฒนาให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของสังคมและอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

ตนคิดว่ากฎหมายคุ้มครองพยานจะเป็นกลไกสำคัญในอนาคต จึงอยากให้ทุกหน่วยงานทุกคนภาคภูมิใจและสร้างความสัมพันธ์แน่นเเฟ้นเรื่องการประสานงานสืบต่อไป ส่วนเจตนารมณ์ของกฎหมายคุ้มครองพยาน มีเพื่อรวบรวมข้อเท็จจริงในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งก็ต้องเกิดขึ้นจากพยานหลักฐาน เพราะถ้าหากปราศจากพยานหลักฐาน ก็ย่อมไม่มีข้อเท็จจริงปรากฏ

ดังนั้น พยานคือเสาหลักสำคัญในการพิสูจน์ความจริงและเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ให้ความยุติธรรมยังดำรงอยู่ พยานคือวีรบุรุษในเงามืด พยานยังยืนหยัดแม้เผชิญแรงกดดัน พยานคือแสวงสว่างของความจริงส่องนำทางให้ความยุติธรรมได้ปรากฏแก่สังคม

ความยุติธรรมจะดำรงอยู่ได้ก็ต่อเมื่อพยานสามารถให้การได้อย่างเสรี ปราศจากการถูกข่มขู่คุกคามและบิดเบือนจนกลายเป็นพยานเท็จ เพราะถ้าหากปราศจากการคุ้มครองพยานที่เข้มแข็งเหล่านี้ก็อาจทำให้ผู้กระทำความผิดลอยนวลได้ แล้วก็จะทำให้ประชาชนหมดศรัทธา พยานจึงมีความสำคัญ และเราจึงต้องให้ความสำคัญแก่พยานอย่างครบถ้วน

พ.ต.อ.ทวี กล่าวประกาศเจตนารมณ์ของการคุ้มครองพยานว่า 1.ยึดถือสิทธิพยานเป็นสำคัญ โดยต้องป้องกันพยานและคนเเจ้งเบาะแสให้ปลอดภัยจากการถูหคุกคาม ข่มขู่ กลั่นแกล้ง และไม่เป็นการทำให้พยานถูกบิดเบือนข้อเท็จจริงหรือถูกบังคับให้เป็นพยานเท็จ

2.พัฒนากลไกการคุ้มครองพยานให้เข้มแข็ง ทันสมัย ลดขั้นตอนระยะเวลาและเอกสารที่ไม่จำเป็น ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล 3.พัฒนารูปแบบและวิธีการสื่อสารเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปได้รับการคุ้มครองพยาน คู่ขนานไปกับการพัฒนาบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญ และให้การบริการเหมาะสมตามเจตนารมณ์ของกฎหมายกำหนดไว้

4.สร้างวัฒนธรรมให้แก่สังคม โดยการยกย่องพยานและผู้แจ้งเบาะแสในฐานะผู้พิทักษ์ความจริงและเชิดชูหน่วยงานที่คุ้มครองพยานในฐานะเกราะกำบังความยุติธรรม และ 5.ทำให้กระบวนการยุติธรรมไทยมีความเชื่อมั่น โปร่งใส เข้าถึงได้

พ.ต.อ.ทวี กล่าวอีกว่า กรณีที่พยานกลัวการเข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่นั้น ในวันนี้แต่ละหน่วยงานจะได้นำเอาบทเรียนไปพัฒนาแลกเปลี่ยนความเห็นระหว่างกัน และจะต้องมีการส่งสัญญาณว่าหลังจากนี้กระบวนการยุติธรรมจะคอยเป็นเกราะกำแพงป้องกันให้พยาน เพราะเรามีเจตนารมณ์ว่าพยานคือผู้ทรงเกียรติ จะต้องได้รับความปลอดภัยในชีวิต

ส่วนกรณีที่ดีเอสไออาจพิจารณาออกหมายจับหรือดำเนินคดีในส่วนของพยานที่ขัดหมายเรียกพยานในคดีฮั้วสว. กรณีไม่ให้ความร่วมมือเข้าให้ปากคำนั้น ตนบอกว่าส่วนดังกล่าวอาจเป็นพยานผู้รู้เห็นเหตุการณ์ หรือเป็นพยานผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้กระทำความผิด ทางเจ้าหน้าที่จึงต้องขอเชิญมาให้ข้อมูลข้อเท็จจริงก่อน ถ้าหากไม่เกี่ยวข้องก็จะได้รับการกันเป็นพยานในคดีอาญา

ซึ่งการให้ปากคำของพยานก็เป็นเหมือนกันเติมเต็มข้อเท็จจริงในสำนวน จึงอยากขอเชิญชวนผู้ที่สมัครใจให้ปากคำในฐานะพยานและต้องไม่ใช่ตัวการสำคัญ เพราะบางครั้งท่านอาจเป็นเหยื่อ หรืออยู่ในสภาวะจำยอมกับผู้กระทำความผิด เจ้าหน้าที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และสอบถามโดยไม่ได้มีอคติ

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ทวี ชูความสำเร็จ 22 ปี กฎหมายคุ้มครองพยาน ชี้เป็นเสาหลักสำคัญพิสูจน์ความจริง

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th