‘บิ๊กเต่า’ ชี้ชัด พฤติกรรมสร้างภาพเพื่อศรัทธา เส้นเงินโยงบ้านหรู วัดพระบาทน้ำพุเข้าข่ายฉ้อโกง-ฟอกเงิน–ยักยอกทรัพย์!
‘บิ๊กเต่า’ ชี้ชัด พฤติกรรมสร้างภาพเพื่อศรัทธา เส้นเงินโยงบ้านหรู วัดพระบาทน้ำพุเข้าข่ายฉ้อโกง-ฟอกเงิน–ยักยอกทรัพย์! ส่อเรียกคนวงการบันเทิงสอบ
วันที่ 27 ส.ค. 68 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้แถลงข่าวถึงความคืบหน้ากรณีการตรวจสอบเส้นทางการเงินและการบริหารจัดการทรัพย์สินของวัดพระบาทน้ำพุ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับพระอลงกต ติกขปัญโญ และบุคคลใกล้ชิด
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการจำแนกและแยกหมวดหมู่พยานหลักฐานจำนวนมากที่ยึดมาได้ก่อนหน้านี้ เพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบอย่างละเอียด โดยบางส่วนเป็นข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายที่อาจเข้าข่ายการทุจริต ฟอกเงิน และยักยอกทรัพย์
ประเด็น "หมอบี" และบุคคลใกล้ชิด
จากการสอบสวน พบว่ามีบุคคลใกล้ชิด "หมอบี" จำนวน 3 คน และอีก 1 คนที่มีความใกล้ชิดในระดับหนึ่ง ซึ่งอยู่ภายในบ้านพักเดียวกัน ขณะนี้ตำรวจยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้มาก เนื่องจากเป็นข้อมูลส่วนตัวและอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
เบื้องต้นจากคำให้การของพยานหลายราย มีการกล่าวถึงความขัดแย้งภายในกลุ่มบุคคลใกล้ชิด โดยเฉพาะกับผู้ทำหน้าที่เป็น "เลขานุการ" ซึ่งเป็นผู้หญิง และมีการพูดถึงพฤติกรรมที่อาจไม่เหมาะสมและไม่โปร่งใส จนถึงขั้นนำไปสู่การเปิดเผยข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี
เมื่อถามว่ามีความสัมพันธ์ทางการเงินระหว่างหมอบีกับพระอลงกตหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบเพียงว่า “หมอบีเปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่” ที่กระจายทรัพยากรไปยังบุคคลใกล้ชิดบางกลุ่ม ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนของพนักงานสอบสวนในการตรวจสอบและสืบหาข้อเท็จจริง
หนึ่งในประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาคือกรณีบ้านหรูมูลค่า 30 ล้านบาท ที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ให้พระอลงกต ก่อนจะมีเหตุการณ์ทางคดีเกิดขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ได้ติดตามเส้นทางการโอนเงินจนพบว่ามีการนำไปใช้ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักฐานสำคัญที่อยู่ระหว่างการรอเอกสารยืนยันจากสถาบันการเงิน
ขณะเดียวกัน ตำรวจยังพบเงินสดจำนวนหลายล้านบาท อาวุธปืน 2-3 กระบอก และเอกสารจำนวนมาก ซึ่งถูกอายัดไว้เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม โดยยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า อาวุธดังกล่าวเป็นของผู้ใด
เตรียมตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมด – เตือนให้คืนวัด
รอง ผบช.ก. ระบุว่า กำลังเร่งรวบรวมทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับวัด ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ที่ดิน รถยนต์ หรือทรัพย์สินอื่นใด โดยจะประกาศให้ผู้ที่ครอบครองทรัพย์สินของวัดนำกลับมาคืนภายในเวลาที่กำหนด หากเพิกเฉยจะถือว่ามีเจตนาครอบครองโดยมิชอบ และจะดำเนินการตามกฎหมายทันที
ทั้งนี้ ยังพบว่ามีการถือครองอสังหาริมทรัพย์จำนวนมาก โดยในเบื้องต้นมีการตรวจสอบโรงเรียนใจฟ้าอะคาเดมี ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้เข้าดูแลแล้ว แต่ยังมีความห่วงใยถึงผู้ป่วยติดเตียงและผู้ป่วย HIV ภายในวัด ที่ต้องได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง โดยได้ประสานหน่วยงานสาธารณสุขให้เข้าช่วยเหลือ
ส่วนที่มีรายงานว่ามีพินัยกรรมระบุ หากพระอลงกตเสียชีวิต ทรัพย์สินจะถูกโอนกลับไปยังหมอบี ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ พร้อมกับดำเนินการเก็บตัวอย่าง DNA ของพระอลงกตแล้ว เพื่อใช้ตรวจสอบประเด็นที่มีข่าวลือว่าอาจมีภรรยาและบุตร
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ยังได้ตรวจสอบเส้นทางเงินบริจาค ซึ่งเป็นเงินบริสุทธิ์ที่มีจุดประสงค์ในการช่วยเหลือผู้ป่วย HIV แต่กลับพบว่าอาจถูกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ โดยเงินบางส่วนถูกนำไปหมุนเวียนในการเบิกจ่ายอย่างผิดปกติ ซึ่งอาจโยงเข้าสู่กระบวนการฟอกเงิน
มีข้อมูลเบื้องต้นระบุว่า พระอลงกตเป็นแฟนคลับของกลุ่มนักร้องบางกลุ่ม ซึ่งถูกว่าจ้างแสดงในกิจกรรมของวัด โดยอาจมีการแสดงค่าใช้จ่ายเกินจริง เพื่อยักยอกเงินบริจาค บางส่วนยังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนว่า มีบุคคลในวงการบันเทิงเข้าร่วมรู้เห็นหรือได้รับผลประโยชน์หรือไม่
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีข้อมูลที่ต้องตรวจสอบคล้ายกรณีวัดพระบาทน้ำพุอีกหลายเคส และอาจพบพระภิกษุในภูมิภาคอื่นที่เข้าข่ายพฤติกรรมผิดวินัยสงฆ์ถึงขั้นปาราชิก ซึ่งจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อปกป้องศรัทธาประชาชนและพระพุทธศาสนา
"สิ่งที่เราทำไม่ได้ต้องการทำลายพระพุทธศาสนา แต่เราต้องการสร้างฐานข้อมูลเพื่อใช้ตรวจสอบคุณสมบัติของพระในอนาคต หากผิดจริงก็ต้องลาสิกขา และหากพบว่าใช้ชื่อปลอม หรือบัญชีของวัดไปใช้ในทางมิชอบ ก็ต้องดำเนินคดีเช่นกัน"
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยังได้ให้ความเห็นถึงพฤติกรรมของพระอลงกตว่า “ดูเหมือนการแสดงมากกว่าการปฏิบัติธรรม” โดยใช้การสร้างภาพและคำพูดเพื่อโน้มน้าวจิตใจประชาชนให้บริจาคเงินอย่างต่อเนื่อง โดยที่การดูแลรักษาผู้ป่วย HIV ในความเป็นจริงนั้น “แทบไม่ต้องใช้ยาแล้ว”
"สิ่งที่เกิดขึ้นคล้ายการหลอกลวง มีลักษณะของความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ฟอกเงิน และความผิดตามมาตรา 147 และ 157 ตามประมวลกฎหมายอาญา หากทรัพย์สินตกเป็นของรัฐ ผมอยากให้กลับไปที่วัด ไม่ใช่ปล่อยให้หายไปกับบุคคลใด"
ทั้งนี้ มีข้อมูลเพิ่มเติมว่า พระอลงกตใช้ชื่อผู้อื่นในการสมัครเรียนและอาจเคยหนีการเกณฑ์ทหาร ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบประวัติอย่างละเอียด ทั้งในส่วนของการศึกษา และข้อมูลการเดินทางไปต่างประเทศ
ท้ายที่สุด พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า คดีนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติม โดยเฉพาะบุคคลที่ใกล้ชิดและทำงานร่วมกับพระอลงกตทุกคนจะถูกเรียกมาสอบสวนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ยังมีชื่อบุคคลในวงการบันเทิงและผู้มีชื่อเสียงที่อาจถูกเรียกสอบในลอตถัดไป