การค้าโลก ถึงจุดเปลี่ยน พาณิชย์ชี้ไทยต้องเร่งปรับตัวสร้างที่ยืนที่แข็งแกร่ง
พาณิชย์เตือนไทยต้องเร่งปรับตัวรับ การค้าโลก ยุคใหม่ที่เปลี่ยนไปจากกติกาพหุภาคีสู่การเจรจาทวิภาคี ขณะที่ ITD มองประเทศกำลังพัฒนากำลังเผชิญโจทย์ใหญ่ซับซ้อน ทั้งความสามารถในการแข่งขัน การดึงดูดการลงทุน และมาตรฐานการค้ายุคใหม่ ชี้แรงงานไทยคือกุญแจสำคัญสู่การแข่งขัน
นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงาน ITD Research Forum 2025: เวทีนักคิด-นักนโยบาย ถกโจทย์ใหญ่การค้าโลก โดยกล่าวว่า เวทีนี้เป็นโอกาสสำคัญในการเผยแพร่ผลงานวิจัยและข้อเสนอเชิงนโยบายด้านการค้าและการพัฒนาของประเทศไทยและอาเซียน เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันขบคิดแนวทางการค้าการลงทุนในอนาคต
"ทุกวันนี้ระบบการค้าการลงทุนโลกกำลังอยู่ในช่วง Turning Point จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นภูมิรัฐศาสตร์ การแข่งขันด้านเทคโนโลยีของประเทศมหาอำนาจ หรือแนวนโยบายการค้าที่เปลี่ยนจากการพึ่งพากฎพหุภาคี ไปสู่การเจรจาต่อรองระหว่างประเทศมากขึ้น ดังที่เห็นได้ชัดเจนจากกรณีการกำหนดอัตราภาษีต่างตอบแทนระหว่างสหรัฐอเมริกากับหลายประเทศ ซึ่งสะท้อนการ Reset Trade บนเวทีโลก" นายฉันทวิชญ์กล่าว
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า หลายประเทศกำลังเร่งกระจายความเสี่ยงและหาตลาดใหม่ผ่านการเจรจาการค้า รวมถึงการผลักดันความตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่เข้มข้นขึ้น ขณะเดียวกันประเทศพัฒนาแล้วก็มักเรียกร้องให้ประเทศกำลังพัฒนายกระดับมาตรฐานการผลิต ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม แรงงาน และการเปิดเผยที่มาของวัตถุดิบ เพื่อป้องกันการสวมสิทธิ์ส่งออก ดังนั้น การผลิตสินค้าและบริการจึงไม่เพียงต้องมีคุณภาพและสร้างมูลค่าเพิ่ม แต่ต้องมีมาตรฐานที่สอดรับกับกติกาสากล เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
"คำถามสำคัญคือ ไทยจะมีที่ยืน (Standing Position) ที่แข็งแกร่งบนเวทีการค้าโลกได้อย่างไร เราจะร่วมมือกันอย่างไรให้ธุรกิจไทยขายสินค้าและบริการที่เป็นที่ต้องการของผู้บริโภค มีมูลค่าเพิ่มสูง และผนวกเข้ากับห่วงโซ่การผลิตคุณภาพของโลกได้แน่นแฟ้นขึ้น" นายฉันทวิชญ์กล่าว
การทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนคือกุญแจสำคัญ
นายฉันทวิชญ์ยังระบุเพิ่มเติมว่า การจะสร้างที่ยืนที่แข็งแกร่งบนเวทีการค้าโลกได้นั้น ต้องอาศัยการทำงานร่วมกันจากทุกภาคส่วน ทั้งการบูรณาการระหว่างหน่วยงานรัฐ ความร่วมมือกับภาคเอกชน และการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคม โดยบทบาทของสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (ITD) ในฐานะ Think Tank จึงมีความสำคัญยิ่ง
เนื่องจากผลงานวิจัยของ ITD จะแปรผลเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายผ่านกระบวนการมีส่วนร่วม ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะนำผลงานวิจัย ข้อมูลเชิงลึก และมุมมองจากวิทยากรและนักวิชาการ ไปประยุกต์ใช้เพื่อให้การค้าไทยสามารถปรับตัวและเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในโลกที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ตลอดจนสร้างงาน รายได้ และความกินดีอยู่ดีให้แก่ประชาชนไทย
ด้าน นายสุภกิจ เจริญกุล ผู้อำนวยการ ITD กล่าวว่า ในยุคที่เศรษฐกิจโลกเต็มไปด้วยความผันผวนจากหลายปัจจัย ประเทศกำลังพัฒนากำลังเผชิญโจทย์ใหญ่ที่ซับซ้อน ตั้งแต่การรักษาความสามารถในการแข่งขัน การดึงดูดการลงทุน การปรับตัวให้สอดรับมาตรฐานการค้ายุคใหม่ ไปจนถึงการสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจและสังคม การเข้าใจพลวัตเศรษฐกิจโลก รวมถึงความสามารถในการกำหนดยุทธศาสตร์ที่เหมาะสมจึงเป็นภารกิจสำคัญ
ITD จึงไม่เพียงดำเนินงานด้านการวิจัยเชิงวิชาการ แต่ยังเชื่อมโยงผลงานวิจัยเข้ากับนโยบาย เพื่อให้งาน ITD Research Forum 2025 เป็นเวทีนำเสนอผลงานและแลกเปลี่ยนมุมมองจากนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ และผู้กำหนดนโยบาย เพื่อหาคำตอบต่อโจทย์การค้าการพัฒนาในยุคใหม่ครบทุกด้านมากที่สุด เพื่อนำไปสู่การกำหนดทิศทางเศรษฐกิจการค้าไทยในอนาคตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป
แรงงานคือกุญแจปลดล็อกศักยภาพเศรษฐกิจไทย
ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ประธานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และที่ปรึกษากลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) กล่าวในปาฐกถาพิเศษเรื่อง "พลวัตเศรษฐกิจโลกกับโจทย์ใหญ่ของประเทศกำลังพัฒนา" ว่า เศรษฐกิจโลกในปัจจุบันมีความเชื่อมโยงกันอย่างซับซ้อน เป็นทั้งความท้าทายและโอกาสของประเทศกำลังพัฒนา โดยโจทย์ใหญ่ไม่ได้มีเพียงการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่คือการเติบโตที่สอดคล้องกับบริบทโลกที่เปลี่ยนไป ทั้งมาตรการสิ่งแวดล้อม กติกาการค้ารูปแบบใหม่ และการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัล
ปัญหาที่น่ากังวลที่สุดคือ แรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดการลงทุนและสร้างผลิตภาพ ดังนั้น การพัฒนาประชากรให้มีคุณภาพสูงผ่านการศึกษา การ Upskill และ Reskill จึงเป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกศักยภาพเศรษฐกิจไทยในระยะยาว พร้อมกับการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อให้ความท้าทายเหล่านี้สามารถกลายเป็นแต้มต่อที่ทำให้ก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นสำคัญในเศรษฐกิจโลกได้