“บุญชัยพาณิชย์ฯ” ยืนราคาอีก 15 วัน “สัญญา 4-5” รถไฟไฮสปีดไทย-จีน
“ทีมข่าวนวัตกรรมขนส่งเดลินิวส์” รายงานว่า ขณะนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ยังไม่สามารถกำหนดวันลงนามสัญญาที่ 4-5 ช่วงบ้านโพ-พระแก้ว ระยะทาง 13.3 กิโลเมตร (กม.) ของโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) ไทย-จีน ระยะ (เฟส) ที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา กับบริษัท บุญชัยพาณิชย์ (1979) จำกัด ผู้รับจ้างได้ เนื่องจากล่าสุดบริษัทฯ ได้ส่งหนังสือมายัง รฟท. แจ้งขยายยืนราคาเดิม 10,325.90 ล้านบาท จนถึงวันที่ 15 ส.ค.2568 หลังจากการยืนราคาสิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 ก.ค.2568 โดยยังคงเป็นเหตุผลเดิมที่บริษัทฯ อยู่ระหว่างการหารือภายในของบริษัทฯ เกี่ยวกับประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องต้นทุนค่าใช้จ่ายการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น ซึ่งราคานี้เป็นราคาตั้งแต่การเข้าประมูลโครงการฯ เมื่อปี 2562
ขณะที่ปัจจุบันค่าวัสดุอุปกรณ์การก่อสร้าง ค่าแรง และค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็เพิ่มขึ้น ทางบริษัทฯ จึงต้องคำนวณตัวเลข และตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ ให้รอบคอบ และเสนอให้คณะกรรมการ (บอร์ด) บริหารบริษัทฯ พิจารณา คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้ ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิทธิของบริษัทฯ ว่าจะตัดสินใจอย่างไร รฟท.ไม่สามารถบังคับให้บริษัทฯ มาลงนามสัญญาได้ แต่ได้พยายามเร่งรัดแล้วว่าควรให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว ซึ่งหากบริษัทฯ พร้อมเดินหน้าต่อจะได้ลงนามสัญญาที่ 4-5 ร่วมกันต่อไป แต่ทั้งนี้หากสุดท้ายมีข้อสรุปว่าไม่ลงนามสัญญา ทาง รฟท. ต้องใช้เวลาอีก 6-7 เดือน เพื่อดำเนินการในขั้นตอนการเปิดประกวดราคาหาผู้รับจ้างรายใหม่
รายงานข่าวแจ้งต่อว่า ในระหว่างรอการลงนามสัญญา รฟท. ได้ดำเนินการปรับแบบการก่อสร้างสถานีอยุธยาตามคำแนะนำของกรมศิลปากร ที่ได้ขอให้ รฟท. ปรับสถาปัตยกรรมให้มีความกลมกลืนกับพื้นที่มรดกโลก ไม่ให้ดูเป็นอาคารใหญ่ และเรียบเป็นผืนเดียวควบคู่ไปด้วย โดยขณะนี้กรมศิลปากร และ รฟท. ได้หารือ และพิจารณาร่างแบบที่ปรับใหม่ร่วมกันอยู่ตลอด คาดว่าประมาณกลางเดือน ส.ค.2568 เรื่องการปรับแบบจะแล้วเสร็จ ซึ่งการปรับแบบดังกล่าวไม่กระทบกับวงเงินการก่อสร้างแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ รฟท. ได้มีการปรับแบบตามคำแนะนำของสภาการโบราณสถานระหว่างประเทศ (ICOMOS) ในฐานะองค์กรที่ปรึกษาขององค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ที่ลงพื้นที่แหล่งมรดกโลกนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เมื่อช่วงเดือน ม.ค.2568 แล้ว อาทิ ปรับลดขนาดความสูงของสถานีลงจากเดิม 37.45 เมตร เหลือ 35.45 เมตร และปรับครั้งล่าสุดเหลือ 28 เมตร รวมทั้งขยับสถานีไม่ให้โครงสร้างคร่อมสถานีรถไฟเดิม โดยมีระยะห่าง 2.5 เมตรระหว่างสถานีเดิม กับสถานีรถไฟความเร็วสูง เพื่อลดข้อกังวลเรื่องการส่งผลกระทบต่อแหล่งมรดกโลกนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา แต่กรมศิลปากรได้ขอให้ปรับอีกเล็กน้อย
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า แม้แบบการก่อสร้างสถานีอยุธยา จะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่หากได้ข้อสรุป และมีการลงนามสัญญาที่ 4-5 ระหว่าง รฟท. และบริษัท บุญชัยพาณิชย์ฯ ได้ ทาง รฟท. ก็สามารถออกหนังสือแจ้งให้เริ่มปฏิบัติงาน (NTP) ให้ผู้รับจ้างก่อสร้างงานทางวิ่งไปก่อนได้ โดยไม่ต้องรองานสถานี และเมื่อเสร็จสมบูรณ์จะออก NTP2 ให้ผู้รับจ้างเริ่มงานสถานีต่อไป ซึ่ง รฟท. จะบริหารจัดการงานก่อสร้างสัญญาที่ 4-5 ให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปีตามแผนงานที่วางไว้.