ข่าวปลอม “กรมศิลป์ อนุญาตทำลายปราสาท” กระทบภาพลักษณ์ไทย
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ตรวจพบข่าวปลอมรายสัปดาห์ ที่ประชาชนให้ความสนใจสูงสุดอันดับที่ 1 เรื่อง “กรมศิลปากร พร้อมให้ทำลายปราสาทเพื่อประโยชน์ทางทหาร เพราะสามารถบูรณะใหม่ได้” รองลงมาคือเรื่อง “จับสายลับกัมพูชา ลอบเข้าชายทะเลโป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี พร้อมโดรนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ชี้เป้าโจมตีกองบิน 5” โดยขอให้ประชาชน อย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เลือกเชื่อ เลือกแชร์ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ อาจทำให้เกิดความตื่นตระหนก วิตกกังวล สับสน และเข้าใจผิดในสังคม
นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (BDE) ในฐานะโฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 1 – 7 สิงหาคม 2568 พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 1,005,783 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 1,232 ข้อความ
สำหรับช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social Listening จำนวน 1,187 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 11 ข้อความ ช่องทาง Facebook จำนวน 33 ข้อความ และช่องทาง Twitter จำนวน 1 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 257 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 84 เรื่อง
ทั้งนี้ กระทรวงดีอี ได้แบ่งข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย
กลุ่มที่ 1 : นโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ ความสงบเรียบร้อยของสังคม ขัดศีลธรรมอันดี และความมั่นคงภายในประเทศ จำนวน 210 เรื่อง
กลุ่มที่ 2 : ผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมายจำนวน 8 เรื่อง
กลุ่มที่ 3 : ภัยพิบัติ จำนวน 3 เรื่อง
กลุ่มที่ 4 : เศรษฐกิจ จำนวน 11 เรื่อง
กลุ่มที่ 5 : กลุ่มอาชญากรรมออนไลน์ จำนวน 25 เรื่อง
นายเวทางค์ กล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจในลำดับต้นๆ ในสัปดาห์นี้ส่วนใหญ่เป็นข่าวเกี่ยวกับความมั่นคงระหว่างประเทศไทย และกัมพูชา นอกจากนี้ยังพบข่าวที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติ และข่าวผลิตภัณฑ์สุขภาพรวมอยู่ด้วย ซึ่งทั้งหมดมีผลกระทบต่อสังคมส่วนใหญ่ ทำให้เกิดความตื่นตระหนก วิตกกังวล สับสน เข้าใจผิดได้ โดยข่าวที่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่
อันดับที่ 1 : เรื่อง กรมศิลปากร พร้อมให้ทำลายปราสาทเพื่อประโยชน์ทางทหาร เพราะสามารถบูรณะใหม่ได้
อันดับที่ 2 : เรื่อง จับสายลับกัมพูชา ลอบเข้าชายทะเลโป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี พร้อมโดรนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ชี้เป้าโจมตีกองบิน 5
อันดับที่ 3 : เรื่อง โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาร้องขอไทยให้ยุติการบินโดรนเหนือดินแดน
อันดับที่ 4 : เรื่อง ไทยวางแผนลอบสังหารผู้นำกัมพูชา
อันดับที่ 5 : เรื่อง แมงกะพรุนเกยตื้นบนชายหาด สัญญาณเตือนทะเลร้อนหรือแผ่นดินไหวใต้ทะเล
อันดับที่ 6 : เรื่อง ลูกระเบิด MK-84 ที่พบในกัมพูชา เป็นของที่ไทยจัดซื้อจากอิสราเอล
อันดับที่ 7 : เรื่อง ทหารไทยได้ทำร้ายร่างกายเชลยศึกก่อนการส่งตัวกลับประเทศ
อันดับที่ 8 : เรื่อง ไทยส่งโดรนล้ำน่านฟ้ากัมพูชา
อันดับที่ 9 : เรื่อง ทหารไทยสั่งอพยพประชาชน เตรียมเปิดฉากบุกก่อนประชุม GBC
อันดับที่ 10 : เรื่อง ผงเสริมโภชนาการ LIVITAS ช่วยล้างพิษ-เสริมสร้างการทำงานของตับ
สำหรับอันดับ 1 เรื่อง “กรมศิลปากร พร้อมให้ทำลายปราสาทเพื่อประโยชน์ทางทหาร เพราะสามารถบูรณะใหม่ได้” กระทรวงดีอี ได้ประสานงานร่วมกับกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นข้อมูลเท็จ โดยขอชี้แจงว่า กรมศิลปากร ไม่เคยมีนโยบายหรือแสดงท่าทีว่า พร้อมให้ทำลายโบราณสถานใด ๆ เพื่อประโยชน์ทางทหาร การเข้าใจว่า สามารถบูรณะได้จึงทำลายได้ เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
ทั้งนี้โบราณสถานคือมรดกทางวัฒนธรรมของชาติและของมนุษยชาติ แม้จะมีความสามารถในการบูรณะก็ไม่อาจทดแทนของจริงได้ และการทำลายโดยเจตนาไม่ว่าในกรณีใด ๆ ย่อมกระทบต่อศักดิ์ศรีของชาติ และละเมิดหลักการอนุรักษ์ระดับสากลอย่างชัดเจน
แม้ว่า กรมศิลปากร จะมีความสามารถในการบูรณะโบราณสถานให้ใกล้เคียงของเดิมได้ แต่ก็ไม่อาจทดแทนคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ศิลปวัตถุ และจิตวิญญาณของสถานที่ดั้งเดิมได้อย่างแท้จริง ทั้งยังขัดต่อหลักการโบราณคดีสากลที่ห้ามการทำลายโบราณสถานไม่ว่าด้วยเหตุผลใด การยอมให้ทำลายย่อมกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศและความน่าเชื่อถือในเวทีโลก โบราณสถานถือเป็นมรดกร่วมของมนุษยชาติ ไม่ใช่เพียงทรัพย์สินของชาติใดชาติหนึ่ง ดังนั้น แม้จะสามารถบูรณะได้ ก็ไม่ใช่เหตุผลที่เพียงพอหรือชอบธรรมที่จะยอมให้เกิดความเสียหายขึ้นตั้งแต่แรก
ด้านข่าวปลอมอันดับ 2 เรื่อง “จับสายลับกัมพูชา ลอบเข้าชายทะเลโป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี พร้อมโดรนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ชี้เป้าโจมตีกองบิน 5” กระทรวงดีอี ได้ประสานงานร่วมกับกองทัพอากาศ กระทรวงกลาโหม ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นข้อมูลเท็จ โดยขอชี้แจงว่าข้อความดังกล่าวที่มีการโพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์นั้นเป็นข่าวปลอม