แจ้งปิดทางเท้าเร่งก่อสร้าง ‘สกายวอล์กราชวิถี’ ย้ำปิดทีละเฟสลดผลกระทบสัญจร
เมื่อวันที่ 8 ส.ค. นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษก กทม. เปิดเผยความคืบหน้าโครงการทางเดินลอยฟ้าราชวิถี ช่วงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-แยกตึกชัย ระยะทาง 1.341 กิโลเมตร ว่า ขณะนี้การก่อสร้างดำเนินการอย่างเต็มที่ โดยจะเปิดให้บริการบางส่วนบริเวณเกาะพหลโยธินในวันที่ 30 ก.ย. 68 ทั้งนี้ กทม.ได้ปิดพื้นที่ก่อสร้างเป็นช่วงๆ ตั้งแต่วันที่ต่างๆ เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกในการทำงาน พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการพื้นที่ไม่กระทบต่อการสัญจรของประชาชน ดังนี้
เกาะพหลโยธิน ปิดพื้นที่ตั้งแต่ 20 ก.ค. 68 และเปิดทางเท้าปกติ 30 ก.ย. 68, เกาะราชวิถี ปิดพื้นที่ตั้งแต่ 8 ก.ย. 68 และเปิดทางเท้าปกติ 23 ต.ค. 68, โรงพยาบาลราชวิถี-สถาบันโรคผิวหนัง ปิดพื้นที่ตั้งแต่ 4 ต.ค. 68 และเปิดทางเท้าปกติ 22 พ.ย. 68, โรงพยาบาลเด็ก-มหาวิทยาลัยมหิดล ปิดพื้นที่ตั้งแต่ 23 ต.ค. 68 และเปิดทางเท้าปกติ 23 ธ.ค. 68, องค์การทหารผ่านศึก ปิดพื้นที่ตั้งแต่ 26 ธ.ค. 68 และเปิดทางเท้าปกติ 16 ม.ค. 69, ศูนย์แพทย์พระมงกุฎเกล้า-มูลนิธิช่วยคนตาบอด ปิดพื้นที่ตั้งแต่ 19 ม.ค. 69 และเปิดทางเท้าปกติ 8 เม.ย. 69
ประชาชนสามารถใช้ทางเท้าในจุดที่ก่อสร้างแล้วเสร็จได้ทันที ขณะที่ กทม. ได้ติดตั้งป้ายบอกและจัดทางเดินชั่วคราวในพื้นที่ที่ยังดำเนินงานก่อสร้าง เพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัยตลอดเส้นทาง ขออภัยในความไม่สะดวกที่เกิดขึ้น และขอความร่วมมือประชาชนใช้เส้นทางอย่างระมัดระวังในช่วงการก่อสร้าง เพื่อความปลอดภัยและประโยชน์ในการเดินเท้าในระยะยาว
“แม้จะต้องก่อสร้างต่อเนื่องในหลายจุด แต่เราวางแผนอย่างรอบคอบเพื่อลดผลกระทบ คืนพื้นที่ให้ประชาชนใช้ได้ทันทีที่แล้วเสร็จ และไม่ปิดเส้นทางทั้งหมด ขณะเดียวกัน ทางเท้าใหม่ไม่ใช่แค่ทางเดิน แต่คือโครงสร้างพื้นฐานที่คำนึงถึงความหลากหลาย เข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมและปลอดภัย” โฆษก กทม. กล่าว
สำหรับโครงการทางเดินลอยฟ้าราชวิถี ดำเนินการภายใต้กระบวนการมีส่วนร่วมอย่างรอบด้าน ทั้งแบบทวิภาคีและพหุภาคี มีการประชุมรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิดความร่วมมือร่วมใจอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในย่านราชวิถี-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นพื้นที่ที่มีความหนาแน่นสูง ประกอบด้วยโรงพยาบาลหลักหลายแห่ง เช่น รพ.ราชวิถี รพ.พระมงกุฎเกล้า รพ.รามาธิบดี และยังเป็นที่ตั้งของโรงเรียนสอนคนตาบอด การออกแบบจึงให้ความสำคัญกับการอำนวยความสะดวกแก่ผู้พิการทางสายตาและกลุ่มเปราะบางอื่น ๆ โดยเน้นความสะดวกปลอดภัยตลอดเส้นทาง
โฆษก กทม. กล่าวเพิ่มเติมว่า เสาของโครงการสกายวอล์กทั้งหมดจะไม่ปักลงบนทางเท้าสาธารณะ เพื่อไม่ให้รบกวนการสัญจรของประชาชน โดยมีการออกแบบให้วางเสาอยู่ในแนวรั้วตลอดแนวทางเท้า ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากกระบวนการเจรจาและการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน
เมื่อโครงการแล้วเสร็จ สกายวอล์กจะสามารถใช้เป็นหลังคาบังแดดบังฝนให้กับผู้เดินเท้าได้ตลอดแนว ถือเป็นอีกหนึ่งความพยายามของ กทม. ในการผลักดันให้กรุงเทพฯ เป็น "เมืองเดินได้ เดินดี และน่าเดิน" อย่างแท้จริง.