‘อาเล็ก’ ลั่นหนูไปพี่ต้องแย่แน่ หลังหวานใจ ‘โบว์’ ไปเรียนต่อ ย้ำถ้ามีอะไรต้องบอกทันที!
เรียกได้ว่าต้องห่างกันตั้ง 2 เดือน สำหรับคู่รักคนดังระหว่าง “โบว์ เมลดา” และ “อาเล็ก ธีรเดช” เพราะเนื่องจากสาวโบว์ต้องเดินทางไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศ ทั้งนี้ หนุ่มอาเล็ก ถึงกับใจหาย โดยให้สัมภาษณ์กับพี่ๆ สื่อมวลชนว่า เพราะไม่เคยห่างกันขนาดนี้ ล่าสุดในงานทำบุญเปิดกล้อง ส่งต่อบุญเปิดประตูบ้านหลอนกับ 3 นักแสดงนำ ภาพยนตร์เรื่อง “ข้างบ้าน” อาเล็กได้เปิดใจถึงประเด็นดังกล่าวอีกครั้ง โดยเผยว่า
“ช่วงนี้กำลังลดน้ำหนักเพื่อโปรเจกต์ใหม่ ซึ่งถามว่าโบว์มียั่วในเรื่องการกินไหม ก็ไม่มี พอเราลดน้ำหนัก แล้วเวลาโบว์ชวนไปกินข้าว เขาก็กินน้อยลงด้วยโดยปริยาย เพราะว่าเขาเองก็จะรู้ว่าเราลดน้ำหนักเพราะว่าเราต้องทำงาน ไม่ได้ลดเพราะความต้องการส่วนตัว พอมันมีงานเข้ามาเกี่ยว เขาก็จะสนับสนุนมากขึ้น และตัวเขาเองปกติเขาเป็นคนสั่งอาหารเยอะมาก เราก็จะคอยพูดว่า “พี่ไม่กินนะ แล้วโบว์จะกินคนเดียวหมดเหรอ?” เขาก็เลยจะสั่งน้อยลงทันที ก็เลยทำให้ลดไปด้วยกันได้
ส่วนสตอรี่ของโบว์ ที่บอกว่า “ลื่นเชียวนะ” หลายคนงงว่าโพสต์มีเลศนัย คือขายของไง ไม่มีอะไร รอให้คนเข้ามาดูไลฟ์ขายของ ที่เขาเป็นพรีเซ็นเตอร์ แล้วตอนนี้โบว์มีแพลนไปต่างประเทศ มันก็คงง่ายต่อการลดน้ำหนักของผมมากขึ้น ไม่ได้ตรอมใจแต่ไม่มีคนชวนกิน ก็ให้น้องเขาไปเรียนในสิ่งที่เขาอยากทำ ซึ่งสัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ได้บอกไปว่าใจหายกับการที่โบว์จะไปเรียนต่อต่างประเทศ เราก็ไม่ได้พูดอะไรกับเขาเป็นพิเศษ แต่เราบอกเขาอยู่แล้วตลอดว่า หนูไปพี่ต้องแย่แน่เลย คือคุยกันตลอด เราต้องคุยกันบ่อยๆ นะ เพราะว่าเราเป็นห่วง
ถามว่าเหงาไหม คือบังเอิญมาก เพราะว่าช่วงที่น้องไป หนังที่เรารับไว้คือเปิดกล้องพอดี เราก็ค่อนข้างยุ่งมาก ก็คงช่วยบรรเทาและโฟกัสกับงาน แต่ถ้าเกิดว่าไม่มีงานก็คงจะฟุ้งซ่าน แต่พอดีว่ามันมีงานเข้ามาเยอะเลยในช่วงเดือนกรกฎาคม เรามีงานแล้วโฟกัสกับงานได้มากขึ้น คงจะไม่ค่อยมีเวลาคิดถึงน้องมากเท่าไหร่ ส่วนว่ามีโอกาสไปเยี่ยมโบว์ไหม ก็จองตั๋วไว้แล้ว ก็จะไปช่วงน้องเรียนใกล้ๆ เสร็จ ถามว่าถ้าโบว์เครียดเรื่องการเรียนจะทำยังไง ก็เตรียมไว้แล้วว่าช่วงที่น้องไปก็คงจะเป็นช่วงที่นอนน้อย เพราะว่าประเทศไทยดึกแล้ว แต่ประเทศที่น้องอยู่ยังไม่ดึก ถ้าไหวแล้วก็อยากจะคุย เพราะว่าถ้าน้องเหงาขึ้นมาหรือว่าเครียดเราก็ต้องสแตนด์บาย เพราะมันเป็นหน้าที่ของผม
ถามถึงข้อตกลงสำหรับคู่เราที่ต้องห่างกันถึงสองเดือน คือก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ เวลาเขาอยู่กรุงเทพฯ อยู่ไทยผมไม่ค่อยห่วง เพราะว่าเขามีคนคอยดูแลเยอะ มีคนขับรถ มีแม่ มีเพื่อนคอยดูแล แต่พออยู่ที่โน่น เราก็อยากให้เขาโทรฯ หาบ่อยๆ หรือว่าถ้ามีปัญหาอะไรก็อยากให้รีบบอกเรา เราจะเป็นคนที่คอยดูมือถืออยู่แล้ว ถ้ามีอะไรก็รีบบอก ถ้าเกิดมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น เราจะได้ช่วยแก้ปัญหาได้ทันที”