“สว.ภิญญาพัชญ์” จี้ รบ. สางปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตุ๋นเงิน
กทม. 19 ก.ค.- “สว.ภิญญาพัชญ์” ถามต้องปล่อยให้คนไทยโพสต์ใบแจ้งความ-อำลาโลกอีกกี่คน จี้ รบ. สางปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตุ๋นเงิน ยกคอมเมนต์เหยื่อ รอมา 3 ปี คดีไม่คืบ เตือนความยุติธรรมที่มาช้าคือความอยุติธรรม
น.ส.ภิญญาพัชญ์ ศันสนียชีวิน สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่หลอกลวงคนไทย ว่า คนไทยของเราตกเป็นเหยื่อและถึงขั้นจบชีวิตตัวเองจำนวนมาก หลายคนเป็นคนที่มีชื่อเสียง ซึ่งพอเจอมิจฉาชีพหลอกเข้าก็เหมือนล้มทั้งยืน ไม่คิดจะอยู่บนโลก กรณีต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นภาพแทนของประชาชนที่ต้องสูญเสีย เงิน ความหวัง และศรัทธาในรัฐ ตนมองว่าเป็นปัญหาเชิงระบบ
“เป็นความล่าช้า ความเฉยชา และความรู้สึกไร้ที่พึ่งของประชาชน สุดท้ายแล้วเหยื่ออยู่ไม่ถึงกระบวนการยุติธรรม เมื่อความล่าช้าคือคำพิพากษาชีวิต” น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าว
น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าวต่อว่า ตนได้ไปส่องดูตามโซเชียล พบว่ามีคนแสดงความเห็นต่อเรื่องนี้หลากหลาย เช่น เราโดนไป 96,000 พูดแต่ว่ารอคิว 3 ปีแล้ว , เลือกปฏิบัติ คนธรรมดาอย่างเรา ลงบันทึกประจำวัน ยังไม่อยากลงให้เลย ไล่ไปหาหลักฐานเองอีกต่างหาก , เจอมากับตัวเอง ไปโรงพัก 4 ครั้ง ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย 6 พัน บาท คงเป็นเงินน้อยมากๆ พร้อมย้ำว่าในยุคที่การโอนเงินใช้เวลาเพียง 5 วินาที แต่ให้ประชาชนรอผลสอบสวนข้ามเดือน หรือข้ามปี คือการผลักภาระให้เหยื่อกลายเป็นผู้ต้องพิสูจน์ตัวเองว่าควรได้รับความช่วยเหลือจากรัฐหรือไม่ ถือเป็นช่องว่างของความเชื่อมั่นที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องและน่าเป็นห่วง
ตนจึงขอใช้โอกาสนี้เสนอแนวทางที่อาจช่วยเยียวยาความเดือดร้อนของประชาชน และฟื้นฟู ศรัทธาต่อรัฐได้อย่างเป็นรูปธรรม ประการแรก ปฏิรูปกระบวนการรับแจ้งความและสืบสวน โดยพัฒนาศูนย์รับแจ้งความออนไลน์แบบ One Stop Service เชื่อมโยงกับธนาคารและ ตำรวจแบบ Real-time เร่งพัฒนาระบบติดตามคดีออนไลน์ (Case Tracking System) ให้ประชาชนตรวจสอบ สถานะคดีของตนเองได้
ประการที่สอง ฟื้นฟูความรู้เท่าทันภัยไซเบอร์ในทุกระดับจัดหลักสูตรรู้เท่าทันภัยไซเบอร์ในระดับมัธยมศึกษา , อาชีวศึกษา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อส่งต่อให้ประชาชนและกระจายความรู้อย่างต่อเนื่อง
ประการที่สาม เร่งรัดการดำเนินคดีและเปิดพื้นที่รับฟังเสียงประชาชนอย่างจริงใจ โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งกำหนดระยะเวลามาตรฐานในการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมไซเบอร์ เพื่อให้ประชาชนไม่ต้องรออย่างไร้จุดหมาย ประเมินผลการให้บริการของเจ้าหน้าที่เป็นระยะ ผ่านระบบสอบถามความคิดเห็น ประชาชนหลังการแจ้งความ เพื่อให้การปรับปรุงเกิดขึ้นจริง ไม่ใช่เพียงแค่ข้อเสนอในกระดาษ
น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าวว่า การจากไปของเหยื่อไม่เพียงแต่เป็นเรื่องที่น่าเศร้า แต่มันยังคือสัญญาณอันตรายว่าระบบ ของเรายังมีรอยรั่วใหญ่ที่ปล่อยให้ประชาชนตกหล่น
“เราจะปล่อยให้คนไทยต้องไปยืนต่อคิวแจ้งความ ด้วยความสิ้นหวังอีกกี่ราย เราจะให้คนไทยต้องตั้งโพสต์อำลาโลกเป็นครั้งสุดท้ายอีกกี่คน และเราจะปล่อยให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ลอยนวลอยู่นอกกฎหมายต่อไปอีกนานแค่ไหน ดิฉันเชื่อว่าหน้าที่ของรัฐไม่ใช่แค่ลงโทษคนผิด แต่คือการปกป้องคนบริสุทธิ์ก่อนที่เขาจะหมดศรัทธาในชีวิตและในระบบเพราะความยุติธรรมที่มาช้า คือความอยุติธรรม” น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าว.-315-สำนักข่าวไทย