24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 25 กรกฎาคม 2568
24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 25 กรกฎาคม 2568
>> จนท.รุดกู้ 5 ร่าง ออกจากร้านสะดวกซื้อ ในปั๊มน้ำมันบ้านผือ อ.กันทรลักษ์ ศรีสะเกษ
06.30 น. เจ้าหน้าที่ EOD ของกองทัพภาคที่ 2 และตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2 กำลังเร่งดำเนินการเข้าเก็บกู้วัตถุระเบิดที่ตกค้าง บริเวนร้านสะดวกซื้อ ภายในปั๊มน้ำมันบ้านผือ ตำบลเมือง อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อเก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิตออกจากพื้นที่
มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่สามารถกู้ร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมด 5 ราย ออกมาจากพื้นที่ได้แล้ว ซึ่งจะได้นำร่างส่งพิสูจน์อัตลักษณ์ที่โรงพยาบาลกันทรลักษณ์ ก่อนมอบให้ญาตินำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
>> กระสุนจรวด BM-21 ตกในพื้นที่ ต.สีวิเชียร บ้านเรือนเสียหาย ไม่มีผู้บาดเจ็บ
08.50 น. ทีมโฆษกกองทัพบก รายงานว่า เกิดเหตุกระสุนจรวด BM-21 ตกลงในพื้นที่บ้านเรือนประชาชน หมู่ 5 ตำบลสีวิเชียร อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี รวมจำนวน 3 จุด ทำให้บ้าเรือนได้รับความเสียหาย
เบื้องต้นไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว คาดว่าประชาชนได้อพยพไปยังศูนย์พักพิงซึ่งจัดตั้งโดยฝ่ายปกครองอำเภอน้ำยืนก่อนหน้านี้แล้ว
>> ไฟไหม้บริเวณอ่างอาบน้ำจากุซซี่ ภายในบ้านเรือนประชาชน ย่นฉลองกรุงซอย 42/1 รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ
09.11 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน สถานที่เกิดเหตุ ซอยฉลองกรุง 42/1 ถนนฉลองกรุง แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวคอนกรีต 2 ชั้น ใช้เป็นที่พักอาศัย ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้นบน ภายในห้องน้ำ เพลิงลุกไหม้ บริเวณอ่างอาบน้ำจากุซซี่ ลุกลามกระจกและฝาผนัง พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 4 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรที่มอเตอร์ปั๊มน้ำ ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยลาดกระบัง
>> ผบช.สอท. แถลงแสดงความเสียใจเหตุชายแดน วอนอย่าแชร์ข่าวปลอม-อย่าทำร้ายชาวกัมพูชาในไทย
11.00 น. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. แถลงแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมส่งกำลังใจถึงเจ้าหน้าที่ความมั่นคงและประชาชนในพื้นที่
ระบุขณะนี้พบมีการเผยแพร่ข่าวปลอม คลิปบิดเบือน และข้อความปลุกปั่นในโซเชียลมีเดียจำนวนมาก รวมถึงภาพความรุนแรงต่อแรงงานชาวกัมพูชาในไทยที่ไม่ได้กระทำผิด ซึ่งเข้าข่ายผิดกฎหมายทั้ง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และกฎหมายอาญา
ขอความร่วมมือประชาชน “ไม่แชร์-ไม่โพสต์-ไม่ส่งต่อ” ข้อมูลเท็จ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงหรือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ย้ำทุกคนในไทยมีสิทธิ์ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายอย่างเท่าเทียม หากพบการปลุกระดมให้เกิดความรุนแรงต่อชาวกัมพูชา จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
>> โฆษก ตร. แนะคนไทยแยกแยะ อย่าใช้อารมณ์ หลังมีคลิปทำร้ายคนกัมพูชาในไทย
15.32 น. พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้เชิญตำรวจทุกหน่วยงานเข้าประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา โดยกำชับให้ข้าราชการตำรวจในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบให้ยกระดับมาตราการดูแลบ้านเรือนและทรัพย์สินของประชาชนที่ส่วนใหญ่พบว่าไม่มีผู้ดูแล เพราะอพยพไปอยู่ในศูนย์พักพิง ส่วนพื้นที่รอบสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา หรือสถานที่มีสิทธิ์ก่อความไม่สงบ ได้จัดกำลังตำรวจในพื้นที่และตำรวจสันติบาลเข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ได้ส่งกำลังใจไปให้กับผู้ที่ปฏิบัติการอยู่แนวหน้า ตำรวจในพื้นที่ และประชาชน อีกทั้งพร้อมที่จะสนับสนุนทุกภารกิจ หากมีการร้องขอเข้ามา
ส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปชาวกัมพูชาถูกทำร้ายร่างกายในประเทศไทย โฆษก ตร. กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ ทราบว่าคนไทยส่วนใหญ่มีอารมณ์โกรธเคือง แต่หากไปก่อเหตุรุนแรงหรือทำร้ายร่างกายคู่ขัดแย้งก็จะถูกดำเนินคดีทุกกรณี เพราะถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมาย พร้อมขอให้ประชาชนระมัดระวังการใช้ถ้อยคำที่รุนแรงหรือไม่เหมาะสมในสื่อโซเชียล เพราะอาจจะกลายเป็นการจุดฉนวนให้เหตุการณ์บานปลาย จนกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
>> "ภูมิธรรม" แถลงท่าทีรัฐบาลไทยต่อสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันไม่ได้นิ่งนอนใจ ขอประชาคมโลกร่วมประณาม
17.25 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี อ่านแถลงการณ์ของรัฐบาลไทยต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า
จากสถานการณ์ที่ประเทศไทยของเรากำลังถูกคุกคามจากประเทศกัมพูชา แม้ที่ผ่านมาเราจะอดทนอดกลั้นต่อการยั่วยุและเลือกที่จะใช้สันติวิธีภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศและตามหลักมนุษยธรรมแล้ว แต่เป็นที่น่าผิดหวังมากที่ฝ่ายกัมพูชาเลือกที่จะใช้กำลังทางทหารก่อนและยังเป็นการปฏิบัติที่ขัดต่อกรอบกฎหมายระหว่างประเทศและหลักมนุษยธรรมอย่างรุนแรง ด้วยการโจมตีโรงพยาบาล และพื้นที่ชุมชนที่ประชาชนอาศัยอยู่ซึ่งเลยแนวชายแดนมากกว่า 20 กิโลเมตร ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเป็นพลเรือน 13 ราย รวมไปถึงเด็ก สตรีและคนชรา รวมทั้งทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนเสียหายอย่างใหญ่หลวง ถือเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง
ซึ่งวานนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงข้อเท็จจริงกับเลขาธิการสหประชาชาติ และรัฐบาลได้มีหนังสือถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง ประณามการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ รวมทั้งขอเชิญชวนให้ประชาคมโลกร่วมประณามการกระทำอันไร้มนุษยธรรมนี้ รัฐบาลขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียของพี่น้องประชาชนทุกท่าน และขอยืนยันว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมารัฐบาล กองทัพ และหน่วยราชการทุกหน่วยไม่ได้นิ่งนอนใจแม้แต่น้อย นับแต่เสียงจากกระบอกปืนนัดแรกดังขึ้น กองทัพไทยได้มีการตอบโต้โดยจำกัดวงอยู่เฉพาะเป้าหมายทางการทหารของกัมพูชา บนหลักการปกป้องตนเองตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยได้ทำลายฐานที่มั่นทางการทหารของกัมพูชา
ผมขอเน้นย้ำว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่ความขัดแย้งในระดับประชาชนทั้งสองประเทศ ไม่ใช่การประกาศสงคราม แต่เป็นการปะทะกันตามแนวชายแดนเพื่อปกป้องอธิปไตยและตอบโต้ผู้รุกราน
>> รถจักรยานยนต์และรถกระบะเฉี่ยวชนกัน หนุ่มวัย 18 ปีเจ็บสาหัส อาสากู้ชีพ - กู้ภัยเร่งทำ CPR แต่ไม่เป็นผล
17.44 น. รับแจ้งจาก มูลนิธิร่วมกตัญญู จ.ลพบุรี จุดท่าวุ้ง บ้านเบิก มีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ และรถกระบะเฉี่ยวชนกัน และมีผู้บาดเจ็บอาการสาหัส บนถนนเส้นทาง บ่อเงิน - บ้านเบิก ใกล้เคียงบริษัทจำหน่ายถุงบิ๊กแบ็ค ในพื้นที่ ต.ลาดสาลี่ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี
ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีดำ ป้ายทะเบียน กทม. รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีแดง ป้ายทะเบียน ลพบุรี และ รถกระบะ เชฟโลเล็ต สีดำ ป้ายทะเบียน อ่างทอง ใกล้กันพบร่างของผู้บาดเจ็บ 1 ราย มีอาการสาหัส ทางอาสาสมัครเร่งช่วยเหลือและดำเนินการปั๊มหัวใจ แต่ไม่เป็นผล เสียชีวิตในเวลาต่อมา ตรวจสอบเอกสาร เป็นชาไทย อายุ18 ปี ผู้ขับขี่รถเวฟ สีแดง ในส่วนของสาเหตุทีแท้จริงนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าวุ้ง
>> ร.ต.อ.เข้ามอบตัวแล้ว หลังยิงบิดาเสียชีวิต พบมีปัญหาและปากเสียงกันบ่อยครั้ง จนเกิดเหตุการณ์ขึ้น
18.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน จากคดีที่มีคนร้ายเข้าไปใช้อาวุธปืนยิงนายประสาร อายุ 73 ปี ซึ่งเป็นพ่อของ ร.ต.อ.ประยูร เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดอีโอดี จ.ราชบุรี เสียชีวิตภายในบ้านพัก อ.บ้านโป่ง เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 23 ก.ค.68 ที่ผ่านมา
ล่าสุด ที่ สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ร.ต.อ.ประยูร ผู้ต้องหายิงบุพการี ได้ประสานเข้ามอบตัว โดยทางชุดสืบสวนได้นำตัวขึ้นไปที่ห้อง พ.ต.อ.กอบโชค เล็กตระกูล ผกก.สภ.บ้านโป่ง เพื่อทำการสอบสวนในเบื้องต้น
พ.ต.อ.กอบโชค กล่าวว่า ตามที่ได้ปรากฏเป็นข่าวบุตรชายซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจได้ทำร้ายนายประสาน ซึ่งเป็นบิดาจนเสียชีวิต ส่วนสาเหตุเบื้องต้นเป็นเรื่องในครอบครัว ตัวผู้ตายซึ่งเป็นบิดาและผู้ต้องหาเป็นบุตรชาย มีปัญหาและมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง หลังจากที่ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานและขอศาลออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อยและจะได้เข้ากระบวนการสอบสวน
สำหรับในคดีนี้ท่านผู้บังคับการได้กำชับผู้ก่อเหตุเป็นข้าราชการตำรวจ แต่ก็เป็นการกระทำผิดทางอาญาต้องดำเนินการตามตัวกฎหมายเช่นประชาชนทั่วไป ไม่มีการละเว้น พร้อมทั้งมีการดำเนินการทางวินัยอีกส่วนหนึ่ง การดำเนินการครั้งนี้เป็นการดำเนินการตามหมายจับและเป็นการมอบตัวด้วย สำหรับคดีนี้เราไม่อนุญาตให้ประกันตัวเนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ คดีที่อุกอาจต้องสอบสวนปากคำให้ครบถ้วนให้มีความเห็นทางคดีโดยท่านผู้การเน้นย้ำไม่ให้ประกันตัว
>> รถกระบะตู้ทึบชนกับรถจักรยานยนต์ กลางถนนสายนิคมสร้างตนเอง - โคกตูม หนุ่มวัยเบญจเพส เสียชีวิต
18.20 น. รับแจ้งจาก มูลนิธิร่วมกตัญญู จ.ลพบุรี มีอุบัติเหตุรถกระบะชนกับรถจักรยานยนต์ และมีผู้เสียชีวิต บนถนนเส้นทางนิคมสร้างตนเอง - โคกตูม ช่วงก่อนถึงร้านต้นยาง ในพื้นที่ ม.6 ต.นิคมสร้างตนเอง อ.เมือง จ.ลพบุรี
ที่เกิดเหตุ พบรถกระบะตู้ทึบ โตโยต้า สีขาว ป้ายทะเบียน นครสวรรค์ ลักษณะชนกับรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สีดำ ป้ายทะเบียน กทม. ก่อนจะพลิกตะแคงอยู่ข้างทาง ตรวจสอบพบร่างของผู้เสียชีวิตอยู่ใต้รถกระบะ ตรวจสอบเอกสาร เป็นชายไทย อายุ 25 ปี เป็นผู้ขับขี่รถจยย. ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โคกตูม
จากการสอบถามทราบข้อมูล ทราบว่า รถกระบะตู้ทึบ ได้เสียหลักข้ามฝั่งมาชนรถจักรยานยนต์ ที่เดินทางมาจากตัวเมืองลพบุรีมุ่งหน้าโคกตูม จากนั้นรับคำสั่งแพทย์เวร และพนักงานสอบสวน สภ.โคกตูม ให้อาสาฯเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตไปชันสูตรเพิ่มเติมที่ โรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช
>> เพลิงไหม้ในห้องพัก ภายในแฟลตย่านซอยเคหะร่มเกล้า 31 อาสาสมัครใช้น้ำทำการดับก่อนจะลุกลาม
20.23 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน สถานที่เกิดเหตุ แฟลตเคหะร่มเกล้า ซอยเคหะร่มเกล้า 31 ถนนเคหะร่มเกล้า แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นอาคารคอนกรีต 5 ชั้น ใช้เป็นที่พักอาศัย ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้น 5 บริเวณระเบียงด้านหลังห้อง เพลิงลุกไหม้เครื่องซักผ้า ตู้เสื้อผ้าและตู้โชว์ พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 4 ตารางเมตร อาสาสมัครใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ ก่อนรถดับเพลิงถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงทำการระบายควัน
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากจุดเทียนทิ้งไว้ ที่เกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ้บจำนวน 1 ราย เป็นเพศชาย อายุประมาณ 45 ปี มีอาการถูกไฟลวกที่มือทั้ง 2 ข้าง อาสาสามัครนำส่งโรงพยาบาลลาดกระบัง พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยร่มเกล้า
>> แผ่นดินไหว ที่จังหวัดเชียงใหม่
20.26 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 1.4 ความลึก 1 กม. ภายในพื้นที่ของ ต.เมืองงาย อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ไม่มีรายงานการรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน
>> ไฟไหม้ในโกดัง ซอยประชาอุทิศ 54 ย่านทุ่งครุ จนท.พร้อมด้วยรถดับเพลิงระดมฉีดน้ำควบคุมเพลิง
23.40 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ ซอยประชาอุทิศ 54 แยก 4-2 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นอาคารคอนกรีตชั้นเดียวหลังคาเมทัลชีท ประกอบกิจการเป็นโกดังเก็บสินค้าประเภทผ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าต้นเพลิงเกิดขึ้นภายในโกดัง เพลิงลุกไหม้ ม้วนผ้า พัดลมและเครื่องใช้ไฟฟ้า พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 100 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้ ไม่ทราบสาเหตุเนื่องจากเพลิงลุกไหม้เสียหายทั้งหมด ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยทุ่งครุ
>> แผ่นดินไหว ที่ประเทศจีน
04.31 น กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 4.0 ความลึก 10 กม. ภายในพื้นที่ของ มณฑลยูนนาน, ประเทศจีน ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของ ต.ริมโขง อ.เชียงของ จ.เชียงราย ประมาณ 283 กม. ยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย