ตร.ไซเบอร์ ยันยังไม่มีข้อมูล 7 นักการเมือง ใกล้ชิดรัฐบาลเอี่ยวเว็บพนัน
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 27 มิถุนายน 2568 เวลา 23.32 น. • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมทกรุงเทพฯ 27 มิ.ย. – ตำรวจไซเบอร์ ยันยังไม่มีข้อมูล 7 นักการเมืองใกล้ชิดรัฐบาลเอี่ยวเว็บพนันออนไลน์ ส่วนกรณี “ฮุน เซน” ระบุไทยเป็นแหล่งสแกมเซ็นเตอร์ เป็นการให้ข้อมูลเท็จ แย้งสถิติโลก 80% อยู่ที่ประเทศกัมพูชา
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) กล่าวถึงกรณีที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โพสต์ข้อความว่ามี 7 นักการเมืองใกล้ชิดรัฐบาลไปเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ การฟอกเงินในประเทศกัมพูชานั้น ว่าในกรณีดังกล่าวหากตำรวจไซเบอร์มีหลักฐานที่ชัดเจน ทางเจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายทุกอย่าง ซึ่งการที่เจ้าหน้าที่จะมีข้อมูลในส่วนตรงนี้แบ่งได้ออกเป็น 2 ประเภท คือ 1.รู้จากการสืบสวนสอบสวนหรือได้ข้อมูลจากสายข่าวที่ไม่ประสงค์ออกนาม หรือออกนาม 2.การที่มีหลักฐานที่นำเข้าไปประกอบในสำนวนก่อนส่งอัยการนั้นจะต้องมีหลักฐานที่มีข้อเท็จจริง
ดังนั้น รายชื่อที่นายวิโรจน์ พูดว่าทางตำรวจไซเบอร์รู้แล้วว่าเป็นใคร ยืนยันว่ายังไม่ทราบว่าพูดถึงบุคคลใด และไม่รู้ว่ามีนักการเมืองท่านใดเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่ที่ผ่านมาก็มีคดี “สจ.กอล์ฟ” มีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ที่อยู่ประเทศกัมพูชา ทางตำรวจไซเบอร์เองก็ต้องมีข้อมูลอยู่แล้ว เพราะเป็นคนดำเนินคดี
ส่วนกรณีที่สมเด็จฮุน เซน เผยว่าประเทศไทยเป็นแหล่งสแกมเซ็นเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในการสร้างปัญหาให้กับคนทั่วไปนั้น พล.ต.ท.ไตรรงค์ เผยว่า จากสถิติของสากลโลก ตรงกับข้อมูลสถิติของประเทศว่าแหล่งสแกมเซ็นเตอร์ 80% อยู่ที่ประเทศกัมพูชา และอีก 20% อยู่ประเทศเมียนมา รวมไปถึงสถิติการร้องเรียนที่ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายจำนวนมาก ซึ่งการที่นายฮุน เซน ออกมาเพยแพร่แบบนี้จะต้องเข้าไปดูว่าเราก็สามารถดำเนินคดีอะไรได้บ้าง เนื่องจากเป็นกล่าวหาและให้ข้อมูลเท็จผ่านทางโซเชียล
ส่วนมาตรการที่ทางรัฐบาลไทยได้ดำเนินการในทุกวิถีทางตัดไฟ-เน็ต-น้ำมัน ทำให้แก๊ง Call Center ได้รับผลกระทบประมาณ 30% และได้ปรับวิธีการถ่ายโอนเงินจากระบบออนไลน์กลับมาใช้รูปแบบเดิม โดยใช้บัญชีม้ากดเงินในประเทศไทย ก่อนนำส่งไปยังคนกลาง และส่งไปให้ตัวการใหญ่ของแก๊งจีนเทา เนื่องจากมาตรการของไทยที่ปรับมารับมือกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้นสร้างความลำบากให้กับพวกนี้เป็นอย่างมาก การเปลี่ยนแปลงมาตรการในครั้งนี้เห็นผลได้อย่างชัดเจน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมขบวนการเหล่านี้ได้มากขึ้น ทำให้สามารถนำทรัพย์สินกลับมาคืนสู่ประชาชนได้ไม่มากก็น้อย
ส่วนกรณีตึก 18 ชั้น และ 25 ชั้น ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา พล.ต.ท.ไตรรงค์ เผยว่า ตอนนี้มีความคืบหน้าไปมาก ซึ่งตำรวจไซเบอร์ได้พยายามรวบรวมข้อมูลหลักฐานทั้งหมดเท่าที่ทำได้ และบูรณาการร่วมกับจเรตำรวจแห่งชาติ ในการกำชับให้ตำรวจในพื้นที่ ช่วยเป็นหูเป็นตา จนรู้ว่าแหล่งสแกมเซ็นเตอร์มีอยู่รอบประเทศเรา และอยู่ตรงไหนบ้าง ตำรวจไซเบอร์ก็พยายามเจาะข้อมูลต่างๆ เพื่อสืบทราบหาบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมไปถึงทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด.-414-สำนักข่าวไทย