จับตา 5 ส.ค.นี้ กฤษฎีกาฯ เคาะปมคุณสมบัติ ประธาน กสทช.
มีรายงานข่าวจาก สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กรณีคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 1 ซึ่งมีนายมีชัย ฤชุพันธ์ เป็นประธาน มีกำหนดจะพิจารณาข้อหารือจากสำนักผู้ตรวจการแผ่นดินในกรณีการขาดคุณสมบัติของประธาน กสทช. ในวันที่ 5 ส.ค.นี้ ซึ่งเป็นที่น่าสนใจว่าจะวินิจฉัยอย่างไร
ทั้งนี้ ปัญหาการขาดคุณสมบัติของประธาน กสทช. เริ่มต้นจากการร้องเรียนของ ผศ.ดร.ภูมิศิษฐ์ มหาเวสน์ศิริ ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย.2566 โดยในขณะนั้น วุฒิสภาได้มอบหมายให้คณะกรรมาธิการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม (กมธ.ไอซีที วุฒิสภา) ดำเนินการสอบหาข้อเท็จจริง ซึ่งสรุปผลว่า “ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ มีลักษณะเป็นผู้ที่ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้าม ตามกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ มาตรา 7 ข (12) มาตรา 4 และมาตรา 26 ประกอบกับ มาตรา18 และมาตรา 20
หลังจากที่วุฒิสภาชุดที่แล้วหมดวาระไป นายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ สภาผู้แทนราษฎร ได้นำประเด็นดังกล่าวมาพิจารณาต่อ และสรุปในที่ประชุมว่า การขาดคุณสมบัติของประธาน กสทช. นั้นสมบูรณ์ไร้ข้อสงสัย เหลือเพียงการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายเท่านั้น แม้กฎหมายจะระบุว่านายกรัฐมนตรีควรเป็นผู้ดำเนินการ แต่ปัญหาดังกล่าวยังคงค้างคาอยู่
ล่าสุด สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้ทำหนังสือสอบถามไปยังสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เนื่องจากนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการตามกฎหมาย กสทช. และมีอำนาจในการดำเนินการ แต่สำนักเลขาฯ กลับส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นผู้พิจารณา ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเหตุใดจึงไม่ดำเนินการเองตามอำนาจที่กฎหมายกำหนดไว้
ทั้งนี้ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้ตั้งข้อหารือต่อคณะกรรมการกฤษฎีกา ดังนี้
1. ประธาน กสทช. หรือกรรมการ กสทช. เป็นผู้ขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 20(4)(5) ภายหลังโปรดเกล้าฯแต่งตั้งแล้ว บุคคลดังต่อไปนี้ ได้แก่ นายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา หรือสานักงาน กสทช. จะเป็นผู้ดำเนินการ กระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติ หรือลักษณะ ต้องห้ามรวมไปถึงการวินิจฉัยกรณี ประธาน กสทช. หรือกรรมการ กสทช. เป็นผู้ขาดสมบัติหรือรักษาต้องห้ามได้ และแจ้งผลให้นายกรัฐมนตรี ดำเนินการนำความกราบบังคมทูล เพื่อทรงมีพระบรมราชโองการให้พ้นจากตำแหน่ง
2. ตามกรณี 1. หากวุฒิสภา เป็นผู้ดำเนินการ กระบวนการตรวจสอบคุณลักษณะ หรือเนื้อหาต้องห้าม รวมทั้งวินิจฉัยว่า ประธาน กสทช. หรือกรรมการ กสทช. เป็นบุคคลที่มีการขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามบุคคล ดังต่อไปนี้ ได้แก่ กรรมการสรรหา หรือกรรมาธิการที่วุฒิสภา มอบหมาย ผู้ใดจะเป็นผู้ดาเนินการตรวจสอบและวินิจฉัยการขาดคุณสมบัติ หรือการมีลักษณะต้องห้าม หรือการดำเนินการฝ่าฝืนดังกล่าว
3. กรณี ตามมาตรา 20 วรรคท้าย มีหนังสือแจ้งให้สานักงานเลขาธิการวุฒิสภาและดำเนินการจัดให้มีการเลือกกรรมการแทนตำแหน่งที่ว่างภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งนั้น เป็นกระบวนการภายหลังจากนายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อมีพระบรมราชโองการให้พ้นจากตำแหน่งประธาน กสทช. หรือกรรมการกสทช. หรือไม่ หรือเป็นขั้นตอนกระบวนการเริ่มต้นในการตรวจสอบคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้าม หรือกระทาการอันเป็นการฝ่าฝืนโดยไม่แจ้งให้สำนักงานเลขาฯวุฒิสภาทราบ เพื่อดำเนินการตามมามาตรา 20 วรรค 2 และวรรคท้ายควบคู่กันไปหรือไม่ประการใด
ทั้งนี้ สื่อมวลชนและสาธารณชนจึงจับตาดูว่าในวันพรุ่งนี้จะมีคำวินิจฉัยในกรณีดังกล่าวออกมาหรือไม่ และเป็นไปในทิศทางใด เนื่องจากปัญหาดังกล่าวค้างคามานาน 2 ปีแล้ว