อธิบดีปภ.ห่วง 11 อำเภอใน 3 จังหวัด ยังอ่วมน้ำท่วมจากฤทธิ์พายุ ‘วิภา’
เมื่อวันที่ 31 ก.ค. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัย และดินถล่มจากอิทธิพลของพายุโซนร้อนวิภา โดยมีนายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดี ปภ. เป็นประธาน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม
โดยนายภาสกร กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์อุทกภัยและดินถล่ม จากอิทธิพลของพายุโซนร้อนวิภามาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค. ถึงปัจจุบัน ส่งผลให้เกิดสถานการณ์อุทกภัยและดินถล่มในพื้นที่ 11 จังหวัด ได้แก่ จ.น่าน เชียงราย พะเยา ลำปาง เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน แพร่ สุโขทัย ตาก อุตรดิตถ์ และจังหวัดเลย รวม 70 อำเภอ 327 ตำบล 1,908 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 65,880 ครัวเรือน 206,244 คน มีผู้เสียชีวิต 5 ราย จ.น่าน 4 ราย และ จ.แพร่ 1 ราย ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จ.น่าน เชียงราย และสุโขทัย รวม 11 อำเภอ 32 ตำบล 167 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 9,914 ครัวเรือน 36,682 คน ระดับน้ำลดลงทุกจังหวัด
“รัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย มีความห่วงใยต่อประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย ซึ่ง น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ได้ติดตามสถานการณ์ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง สั่งการให้ทุกหน่วยงานดำเนินการแก้ไขปัญหา และให้ความช่วยเหลือประชาชนให้ครอบคลุมทุกด้าน โดย ปภ. ได้เน้นย้ำให้จังหวัดเร่งทำการระบายน้ำในพื้นที่ที่ยังคงมีน้ำท่วมขัง ระดมเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรกลสาธารณภัย พร้อมบูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วน ร่วมกันทำความสะอาด ซ่อมแซม บ้านเรือนที่พักอาศัย พื้นที่การเกษตร สิ่งสาธารณประโยชน์ เพื่อคืนและฟื้นฟูพื้นที่ให้ประชาชนให้กลับคืนสู่สภาวะปกติอย่างเร็วที่สุด พร้อมกำชับให้จังหวัดประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งสำรวจความเสียหายและจัดทำบัญชีความเสียหายให้ครอบคลุมทุกด้าน เพื่อดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการให้เงินช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตและบ้านเรือนที่พักอาศัยประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ให้ปฏิบัติตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่กำหนดอย่างเคร่งครัด โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ พร้อมเน้นย้ำประชาชนให้ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิดตลอดช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะจังหวัดท้ายน้ำและพื้นที่เสี่ยง หากเกิดสถานการณ์ ปภ. จะทำการส่งแจ้งเตือนผ่านระบบ Cell Broadcast ให้ประชาชนได้เตรียมการล่วงหน้าพร้อมรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที” นายภาสกร กล่าว