สธ.เผยพลเรือนอาการหนักรักษาในรพ. 6 คน เครียดเสี่ยงฆ่าตัวตาย เพิ่มเป็น 267 คน
เมื่อวันที่ 1 ส.ค. นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ เปิดเผยข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา (ฝั่งพลเรือน) โดยกระทรวงสาธารณสุขประจำวันที่ 1 ส.ค. 2568 (10.00 น.) ผลกระทบทางตรง เสียชีวิต 14 ราย บาดเจ็บสาหัส 12 ราย บาดเจ็บปานกลาง 13 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 13 ราย (รวม 52 ราย) ส่วนผลกระทบทางอ้อม เสียชีวิต 3 ราย โดยรวมพลเรือนเสียชีวิตคงที่ 17 ราย ปัจจุบันกำลัง Admit อยู่ 9 ราย ในจำนวนนี้ อาการหนักสีแดง 6 ราย อาการสีเหลือง 3 ราย ส่วนผู้ที่รักษาหายกลับบ้านแล้ว 21 ราย
ส่วนทีมปฏิบัติการด้านสาธารณสุข กำลังลงปฏิบัติงาน จำนวน 457 ทีม เตรียมพร้อมไว้ทั้งหมดรวม 1,166 ทีม ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันลงพื้นที่ ทั้งนี้ การดำเนินงานด้านการดูแลด้านสุขภาพจิต คัดกรองไปแล้ว 55,955 ราย พบเครียดสูง 2,151 ราย และเสี่ยงฆ่าตัวตาย 267 ราย
นพ.วรตม์ กล่าวต่อว่า สำหรับโรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบ แบ่งเป็นที่จังหวัดอุบลราชธานี ปิดบริการ 3 แห่ง คือ รพ.น้ำยืน รพ.น้ำขุ่นและ รพ.นาจะหลวย จังหวัดศรีสะเกษ ได้รับผลกระทบ 2 แห่ง ต้องปิดให้บริการคือ รพ.กันทรลักษ์ รพ.ภูสิงห์ จังหวัดสุรินทร์ ได้รับผลกระทบปิดให้บริการ 2 แห่ง คือ รพ.กาบเชิง และ รพ.พนมดงรัก และมีอีก 2 แห่ง ที่ต้องปิดให้บริการบางส่วน คือ รพ.ปราสาท และ รพ.สังขะ ส่วน รพ. ที่กลับมาเปิดให้บริการตามปกติแล้ว คือ รพ.บัวเชด
จังหวัดบุรีรัมย์ มี 2 แห่ง ที่ปิดให้บริการ คือ รพ.บ้านกรวด และ รพ.ละหานทราย และอีก 2 แห่ง ที่ปิดบริการบางส่วน คือ รพ.ประโคนชัย และ รพ.เฉลิมพระเกียรติ จังหวัดตราด ปิดให้บริการบางส่วน 2 แห่ง คือ รพ.คลองใหญ่ และ รพ.บ่อไร่ จังหวัดสระแก้ว ปิดบริการบางส่วน 2 แห่ง คือ รพ.ตาพระยา และ รพ.จิตเวชสระแก้ว มี 2 แห่ง ที่กลับมาเปิดให้บริการตามปกติแล้ว คือ รพ.โคกสูง และ รพ.คลองหาด.