แรงงานเร่งช่วยลูกจ้างชายแดนไทย-กัมพูชา จ่ายสิทธิประโยชน์เต็มสิทธิ บาดเจ็บ-เสียชีวิตได้รับเยียวยาเร็วที่สุด
"พงศ์กวิน" รมว.แรงงาน สั่งด่วน! ช่วยผู้ประกันตนชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเหตุรุนแรง เร่งจ่ายสิทธิประโยชน์เต็มจำนวน บาดเจ็บ-เสียชีวิตได้รับการดูแลทันที
จากเหตุการณ์ความรุนแรงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้แสดงความห่วงใยพี่น้องประชาชนต่อสถานการณ์ดังกล่าว และได้ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว จึงได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน 5 เสือ เร่งระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่ บูรณาการให้ความช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนนายจ้างสถานประกอบการ ลูกจ้าง ผู้ประกันตน ที่ได้รับผลกระทบแล้ว พร้อมกำชับให้ นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ให้การช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวลูกจ้างผู้ประกันตน ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว และจ่ายสิทธิประโยชน์อย่างเต็มที่โดยเร็วที่สุด
นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว พบลูกจ้างผู้ประกันตนที่ในพื้นที่ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา ในจังหวัดสุรินทร์ ได้บาดเจ็บ 1 ราย ตาย 2 ไม่เนื่องจากการทำงาน จังหวัดศรีสะเกษเสียชีวิต 3 ราย ได้บาดเจ็บ 8 ราย ในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้ง 3 รายพบว่ามี 1 ราย เสียชีวิตขณะปฏิบัติงานให้นายจ้าง ทายาทของลูกจ้างจะได้รับสิทธิประโยชน์จากกองทุนเงินทดแทน สำนักงานประกันสังคม ประกอบด้วย ค่าทำศพจำนวน 50,000 บาท เงินทดแทนกรณีเสียชีวิตเป็นเงินร้อยละ 70 ของค่าจ้าง เป็นระยะเวลา 10 ปี และเงินบำเหน็จชราภาพพร้อมดอกผล ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บขณะปฏิบัติงานจะได้รับความคุ้มครองจากกองทุนเงินทดแทน เช่นกัน โดยได้รับค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้น 65,000 บาท ถึง 1,000,000 บาท หากเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของรัฐจนสิ้นสุดการรักษาจะได้รับค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นจนกว่าจะสิ้นสุดการรักษากรณีแพทย์รับรองให้หยุดพักรักษาตัวมีสิทธิได้รับค่าทดแทนการขาดรายได้ร้อยละ 70 ของค่าจ้างรายเดือนไม่เกิน 1 ปี หากมีการสูญเสียอวัยวะหรือสูญเสียสมรรถภาพในการทำงานจะได้รับค่าทดแทน กรณีสูญเสียอวัยวะร้อยละ 70 ของค่าจ้างรายเดือน ตามอัตราการสูญเสีย และในกรณีทุพพลภาพจะได้รับค่าทดแทนร้อยละ 70 ของค่าจ้างรายเดือนตลอดชีวิต
ทั้งนี้ ในกรณีที่ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และ 39 ประสบอันตรายจากสถานการณ์ดังกล่าว และไม่อยู่ระหว่างปฏิบัติงาน (ไม่เนื่องจากการทำงาน) มีสิทธิเข้ารับการรักษาได้ที่โรงพยาบาลทุกแห่งภายใน 72 ชั่วโมง อัตราตามประกาศคณะกรรมการการแพทย์ หากเป็นเหตุให้ทุพพลภาพจะได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ในอัตราสูงสุดร้อยละ 50 ของค่าจ้าง ตลอดชีวิต รวมถึงหากเสียชีวิต ทายาทจะได้รับค่าทำศพ 50,000 บาท เงินสงเคราะห์กรณีตายในอัตราสูงสุดร้อยละ 50 ของค่าจ้าง จำนวน 12 เดือน และเงินบำเหน็จชราภาพพร้อมดอกผล
กรณีผู้ประกันตนมาตรา 40 จะได้รับความคุ้มครองกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ เช่น ค่านอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตั้งแต่ 1 วันขึ้นไป วันละ 300 บาท ทั้ง 3 ทางเลือก หากไม่นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลแต่มีใบรับรองแพทย์ให้หยุดรักษาตัว ตั้งแต่ 3 วันขึ้นไป วันละ 200 บาท ทั้ง 3 ทางเลือก กรณีทุพพลภาพ จะได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ต่อเดือน 500 – 1,000 บาท เป็นต้น และกรณีตาย ทางเลือกที่ 1 และทางเลือกที่ 2 จะได้รับค่าทำศพ จำนวน 25,000 บาท และทางเลือกที่ 3 จะได้รับเงินค่าทำศพ จำนวน 50,000 บาท
นางมารศรี เลขาธิการ สปส. กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของลูกจ้าง ผู้ประกันตน ที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ความไม่สงบฯ หากเกิดกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินหรือบาดเจ็บ ผู้ประกันตนมีสิทธิเข้ารับการรักษาได้ที่โรงพยาบาลทุกแห่ง ภายใน 72 ชั่วโมง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประกันตนที่เจ็บป่วยด้วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย และจำเป็นต้องได้รับการบำบัดทดแทนไต และรับยา Erythropoietin เป็นประจำในสถานพยาบาลที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เกิดภัยพิบัติ ตามประกาศของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ดังนี้
1.ผู้มีสิทธิที่เจ็บป่วยด้วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย สามารถยื่นเรื่องเกิน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่มีสิทธิ
2.ผู้ประกันตนที่ได้รับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ที่ใช้เวลาไม่ถึง 4 ชั่วโมงต่อครั้งและน้อยกว่าหรือมากกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์ตามความจำเป็นสามารถยื่นเบิกค่าบริการทางการแพทย์ได้
3.เพิ่มอัตราค่าบริการทางการแพทย์กรณีฟอกเลือดด้วยเครื่องฟอกไตเทียม เกินอัตราที่กำหนดเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 2,000 บาทต่อครั้ง (เฉพาะรายที่มีหลักฐานแสดงถึงเหตุผลความจำเป็น)
4.กรณีผู้ประกันตนเข้ารับบริการทางการแพทย์หลังการปลูกถ่ายไต สามารถเข้ารับการรักษาได้ทั้งสถานพยาบาลที่ทำข้อตกลงกับสำนักงานประกันสังคม หรือสถานพยาบาลอื่นที่ผู้ประกันตนสะดวกเข้ารับบริการ
นางมารศรี เปิดเผยตัวเลขจ่ายสิทธิประโยชน์ฯ จากกองทุนเงินทดแทน และกองทุนประกันสังคมไปแล้วเป็นจำนวนเงินโดยประมาณรวมทั้งสิ้น 998,116 บาท (ยังไม่รวมอัตราผลตอบแทน) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ทั้ง 12 แห่ง/จังหวัด/สาขา/ที่ท่านสะดวก หรือผ่านโทรศัพท์สายด่วนประกันสังคม 1506 ตลอด 24 ชั่วโมง
#ประกันสังคม #ช่วยเหลือลูกจ้าง #แรงงานชายแดน #ชายแดนไทยกัมพูชา #สิทธิผู้ประกันตน #แรงงานไทย #ข่าวแรงงาน #สปส #พงศ์กวิน #เหตุการณ์ชายแดน #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #ข่าววันนี้