ยิปซี คีรติ เคยคลั่งผอม จนเป็นโรคไม่ชอบรูปร่างตัวเอง สุดท้ายได้บทเรียนชีวิต เดินทางสายกลาง คือสิ่งสำคัญ
ไนน์เอ็นเตอร์เทน
อัพเดต 16 กรกฎาคม 2568 เวลา 2.29 น. • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • NineEntertain ข่าวบันเทิงอันดับ 1 ของไทยเปิดใจสาวสวยหุ่นปัง! ยิปซี คีรติ ในรายการ Glow On podcast with Grace จากสาวคลีนสุดขีด สู่บาลานซ์ไดเอท แชร์บทเรียนชีวิต “สุขภาพไม่ใช่เรื่องแค่หุ่น” สุดโต่งกับการลดน้ำหนักจนต้องเผชิญกับ Eating Disorder และ Body Dysmorphia ชี้ทางลัดลดน้ำหนักไม่ใช่คำตอบ เน้นย้ำถึงการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม
ความเชื่อของการกินที่ดีในตอนนี้?
ยิปซี : ตอนนี้คืนสู่สามัญ คือบาลานซ์ไดเอทที่รู้สึกว่าเวิร์กกับชีวิตตัวเองจริง ๆ และอยู่ได้ยาว ๆ ความคิดที่ผิดคือ ความสุดโต่ง ที่เคยลองมาทั้งหมดเมื่อก่อน การคิดว่าอาหารบางอย่างเป็นอาหารต้องห้าม เช่น แป้ง กินให้น้อยที่สุด หรือ ไขมันจะทำให้เราอ้วน ไขมันเป็นศัตรู เราก็จะพยายามที่จะไม่กิน มีช่วงหนึ่งก็คือเป็นแบบกินน้อยมาก ๆ หรือแบบพยายามเลี่ยงให้มากที่สุด เคยพยายามนับแคลแต่ว่าก็ไม่ได้นับแบบเป๊ะขนาดนั้น
สิ่งที่ทำแล้วรู้สึกว่าได้ผล?
ยิปซี : ลองผิดลองถูกเคยลดน้ำหนักด้วยวิธีที่เคร่งมาก เช่น คัตคาร์บ งดไขมัน และออกกำลังกายอย่างบ้าคลั่ง โดยเชื่อว่าถ้า กินน้อย + ใช้พลังงานเยอะ = ผอม ซึ่งก็ได้ผลจริงในระยะแรก แต่น้ำหนักลดอยู่ไม่นาน ก่อนจะโยโย่ ร่างกายเริ่มต่อต้านจากความเครียดที่สะสม ฮอร์โมนคอร์ติซอลหลั่งมากขึ้น ทำให้น้ำหนักนิ่งไม่ลด ทั้งที่ยังควบคุมอาหารและออกกำลังกายหนักเหมือนเดิม เราเป็นคนมีวินัยไม่ยอมแพ้ ออกกำลังกายเยอะขึ้นแล้วเราก็กินให้น้อยลง
มีช่วงที่อ้วนไหม?
ยิปซี : รู้สึกว่าตัวเองป่วยจิต มองรูปร่างยังไม่ดีพอ พอปรึกษาหมอจึงรู้ว่าเป็น Eating Disorder คือ กึ่ง ๆ ค่อนไปทาง Anorexia จะเป็นเหมือนแบบพยายามไม่กิน แต่ว่าไม่ได้เป็น Bulimia ไม่เคยกินแล้วล้วงคอ ก็คือจะกลัวอาหารแบบมี Bad relationship รู้สึกไม่กล้ากิน กินแล้วรู้สึกผิด ไม่ใช่แบบเห็นอาหารแล้วกลัว เรายังอยากกินอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่ว่าเรารู้สึกว่าจะเยอะไปไหม น้ำหนักจะขึ้นไหม
คุณหมอวินิจฉัยว่ายังไง?
ยิปซี : มารู้ทีหลังตอนที่เราผ่านลองผิดมา แต่ไม่เคยหาหมอ พอมาหาหมอเลยรู้ว่าที่เห็นว่าอ้วน มองตัวเองหุ่นยังไม่ดี เรียกว่า Body Dysmorphic Disorder หรือ Body Dysmorphia คือการที่เรา เป็นเหมือนเห็นตัวเราในกระจก แต่มันเป็นการเห็นที่ผิดเพี้ยนจากความเป็นจริงไปมาก เหมือนคนบางคนเขาเห็นจริง ๆ ว่าเขาน่าเกลียดแล้วคน 100 คนก็แบบเห็นว่าก็ดูดี เราเคยเป็นโรคนั้น
กระทบถึงจิตใจยังไง?
ยิปซี : ร้องไห้เป็นบ้าคลั่ง ในขณะที่คนชมสวยมาก กดไลก์ให้ แต่เราก็โทรหาเพื่อน บอกวันนี้รู้สึกอัปลักษณ์แล้วก็ร้องไห้จนทำงานไม่ได้ แบบเป็นบ้า ไม่ใช่แค่นอย
จุดที่ทำให้เปลี่ยนคืออะไร?
ยิปซี : เป็นเรื่องของความบังเอิญ เราเป็นซึมเศร้ามาก่อนแล้วเราก็เป็นแพนิค เลยตัดสินใจหาหมอเพื่อรักษาอาการแพนิคก่อน แพนิคส่วนหนึ่งมันจะเกิดจากความกังวลที่สะสมหรือความเครียด เราเลยตัดสินใจดูแลสุขภาพจิตด้วย อยากเริ่มต้นใหม่ อยากเป็นคนที่มี Healthy mind ตอนนั้นเราก็ได้รับการรักษาเรื่องนี้ไปด้วย เพราะมันเป็นหนึ่งในปมของเรา การที่เราเหมือนมี Negative Image หรือแบบมีความรู้สึกที่แย่กับร่างกายตัวเองมาตลอดโดยที่ไม่ได้รับการแก้ไข จึงตัดสินใจรักษา
ตอนที่รู้สึกแย่ ช่วงนั้นกินอะไร?
ยิปซี : กินผิดมาตลอด เราพยายามปรับมาเป็นการกินที่มัน Sustainable มากขึ้น ผ่านยุคที่กินแคลน้อย แล้วก็ Obsess กับอาหาร อาหารบางอย่างจะเป็นสิ่งต้องห้าม ก็จะมียุคแรกที่เป็นแบบนั้นที่สุดโต่งสุด ๆ พอมายุคที่ 2 ก็ปฏิวัติตัวเอง เริ่มเข้ายิม คนเริ่มเห็นว่าหุ่นดี มี Six Pack แต่จิตเรายังป่วยอยู่ ตอนนั้นเริ่มที่จะปรับเพื่อการกินให้สุขภาพร่างกายดีขึ้น ยุคแรกเน้นผอม ผอมคือสวย ไม่ได้เน้นว่าสุขภาพดี พอมายุค 2 เป็นยุคที่อยาก Healthy ก็เริ่มเล่นเวท เริ่มมีกล้ามเนื้อ เริ่มมี Six Pack แล้วก็กินคลีน จุดเปลี่ยนรู้สึกว่ากลับมาสู่ ทางสายกลาง อะไรมากไปก็ไม่ดีทั้งนั้น
ตอนที่กินคลีน แล้วกลับมากินแบบบาลานซ์มากขึ้น คือจุดที่รู้สึกว่าปลดล็อกแล้ว?
ยิปซี : ช่วงแรก ๆ ยากมาก จากคนที่เคยกินคลีนแบบไม่มีโซเดียม ไม่มีไขมัน มันแทบไม่มีอะไรให้รู้สึกว่า อร่อยเลย กินก็ไม่ได้รู้สึกเอ็นจอยเท่าไหร่ กินเพราะรู้สึกว่ามันดีต่อร่างกายล้วน ๆ ตอนนั้นคือแบบสุดโต่งมาก เราคิดว่าโอเค ทุกมื้อที่กินเหมือนกับว่ากินเพราะมันมีประโยชน์ ไม่ได้กินเพราะมันอร่อย กินผักก็กินไปแบบนั้นก็โอเค ไม่ได้ทรมานมาก อยู่ได้ แต่ถามว่าอร่อยไหม มันก็สู้การกินอาหารทั่วไปไม่ได้อยู่ดี เลยหยุดกินคลีน ไม่ใช่เพราะทำไม่ได้ แต่มาถึงจุดที่เราเริ่มติดขัด เพราะรู้สึกว่าเราอยู่ได้ แต่เราไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลก เวลาที่ไปกินข้าวกับเพื่อน แฟน ครอบครัว คนรอบตัวเขาไม่ได้กินแบบเรา ก็เริ่มเห็นว่าการกินมันเป็นส่วนที่ใหญ่มากในชีวิตนะ วันหนึ่งเรากินตั้ง 3 มื้อ มันไม่ใช่แค่เพื่อให้ร่างกายมีพลัง แต่มันคือ โมเมนต์ มันคือ ประสบการณ์ และมันคือการได้เชื่อมโยงกับคนที่รัก ซึ่งมันก็มีคุณค่าในแบบของมันเหมือนกัน
ตอนที่เรากินคลีน ความสัมพันธ์ของเรากับคนรอบข้างเป็นยังไง?
ยิปซี : เราทำให้คนรอบข้างอึดอัด เพราะเวลาไปเจอเพื่อนหรือไปกินข้าวข้างนอก ก็จะกินมาแล้วจากบ้าน ซึ่งเพื่อนก็รู้แหละว่าเราคุมอาหารอยู่ แต่พอไปถึงร้าน เพื่อนเขาก็กินกันปกติ ส่วนเราก็แค่นั่งจิบน้ำ มันรู้สึกแปลก ๆ ในมุมมองส่วนตัว ถ้าใครยังรู้สึกว่าการกินคลีนมันทำได้ยั่งยืน และมันทำให้ชีวิตเขามีความสุข ก็โอเค แต่สำหรับพี่พอลองใช้ชีวิตอีกแบบแล้ว รู้สึกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ มันแฮปปี้กว่าเยอะ
แฟนเข้าใจไหม ตอนที่เราค่อย ๆ เปลี่ยนจากการกินคลีนมาเป็นบาลานซ์มากขึ้น?
ยิปซี : แฟนคนปัจจุบัน ตอนเริ่มเดทกันใหม่ ๆ บอกเลยว่ามีปัญหาเยอะมาก เพราะว่าเขาเป็นชาวต่างชาติ แล้วเขาก็มีสไตล์การกินแบบฝรั่งสุด ๆ คือชอบพวกอาหารอิตาเลียนมาก ทั้งพาสต้า พิซซ่า จิบไวน์ ตัวพี่เองก็แพ้ทางอาหารอิตาเลียนหนักมาก เพราะชอบกินแป้ง ชอบคาร์บมาก ตอนนั้นก็ยังไม่กล้าเผย พยายาม Impress เขาด้วยลุคส์สาวคลีน จัดกล่องข้าวมากินเองตลอด แต่พอเริ่มคลั่งรัก ไปเดทก็ต้องเต็มที่ เขาชวนไปกินอิตาเลียน เขาถามว่าชอบไหม เราบอกไปว่าชอบมาก ทั้งที่จริงก็มีแอบชะงักเหมือนกัน เพราะมันต่างจากสไตล์ที่เรากินมาตลอด แต่เพราะเป็นช่วงเดท ก็เลยปล่อยตัวเต็มที่ กินทุกอย่างแบบแฮปปี้มาก ผ่านไปแค่เดือนเดียว น้ำหนักขึ้น 5 กิโลเลย หน้ากลม กางเกงเริ่มคับ แล้วพอไปชั่งน้ำหนักก็ช็อก หลังจากนั้นก็เริ่มคุยกับเขาแบบตรง ๆ ว่าเราเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเอง และอยากบาลานซ์ตรงนี้ให้ลงตัว เพราะเราเข้าใจว่าเขาก็มีสิทธิ์ที่จะเอ็นจอยอาหารในแบบที่เขาชอบเหมือนกัน สุดท้ายก็มาลงตัวที่การกินบาลานซ์ พอปรับ mindset ได้ว่าเราสามารถกินได้ทุกร้าน เลือกในปริมาณที่พอดี แบบนี้ก็ยังได้อยู่กับโมเมนต์กินของอร่อย และยังดูแลตัวเองได้ด้วย ทุกวันนี้ก็เลยแฮปปี้มาก
ตอนนี้ความสัมพันธ์ก็แฮปปี้ไม่มีปัญหาเรื่องของการกิน?
ยิปซี : ไม่มีแล้วค่ะ ซึ่งมันก็ Surprising มาก ๆ เราไม่ได้คิดเลยนะว่าเราจะเปลี่ยนเขาได้ แต่พออยู่ด้วยกันนาน ๆ ตอนนี้ก็ประมาณ 7 ปีแล้ว เขาก็ค่อย ๆ ซึมซับไลฟ์สไตล์ที่เราดูแลตัวเอง แบบไม่ได้บังคับ แต่เขาเริ่มหันมากินอาหารที่เฮลตี้ขึ้นมาก ๆ สารภาพนิดนึงนจริง ๆ แล้ว พี่เคยใช้จิตวิทยาเกลี้ยกล่อมเขาโดยที่เขาไม่รู้ตัว มีช่วงนึงที่เขาไม่ค่อยดูแลตัวเองเลย กินก็ไม่ดี ไม่ออกกำลังกาย ก็อยากเคารพพื้นที่ส่วนตัวเขานะ แต่อีกใจนึงพอแต่งงานกันแล้ว เราก็อยากจะอยู่ด้วยกันไปนาน ๆ เรารู้เลยว่าพฤติกรรมบางอย่างที่เขาทำมันไม่เฮลตี้แน่ ๆ จากความรู้ที่เราศึกษามาเลยใช้พลังแห่งความรัก มาไซโคนิด ๆ แบบอ้อม ๆ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเปลี่ยน เริ่มถามเรามากขึ้นว่ากินอันนี้ดีไหม หรืออันนี้แย่ไหม แล้วก็เริ่มไปยิมกับเราบ่อยขึ้น
สำหรับคนที่มองว่ายิปซีเป็นไอดอลในเรื่องของหุ่น การกิน การออกกำลังกาย มีอะไรอยากฝากถึงคนที่อาจกำลังมีความคิดอยากผอมเร็ว อยากลดน้ำหนักไวไหม?
ยิปซี : สิ่งหนึ่งที่เราไม่สนับสนุนเลย คือผลิตภัณฑ์หรือวิธีการที่สัญญาว่า “ลงแรงน้อย แต่ได้ผลเร็ว” อันนี้คือสิ่งที่เราไม่เชื่อ และไม่เคยสนับสนุนเลย เพราะผ่านจุดนั้นมาแล้ว เราเองก็เคยลงแรงเยอะมาก บางช่วงคือมากเกินไปด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายเราก็ยังต้องกลับมาเจอสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ทางสายกลาง มันรวมถึงทุกอย่างในชีวิตเรื่องการกิน การนอน การออกกำลังกาย ไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ แต่ถ้าเราเจอจุดที่พอดีสำหรับตัวเราเอง มันจะทำให้เราทำต่อได้เรื่อย ๆ และ Sustainable คำนี้สำคัญมาก
อาหารเช้า?
ยิปซี : กินแบบเน้นแป้ง เพราะเป็นคนชอบกินแป้ง ส่วนมากก็จะเป็นพวกขนมปัง แต่จะเลือกเป็นขนมปังแบบ Complex Carb พวกที่มีเมล็ดธัญพืช อีกอย่างที่ชอบมากคือ ข้าวโอ๊ต บางวันก็ทำเป็น Overnight Oats หรือบางทีก็ทำเป็น มัฟฟินโฮมเมด ซึ่งสูตรที่เราทำขายอยู่ด้วย ก็จะกินแบบนี้ตอนเช้า เราจะไม่ค่อยชอบกินอะไรที่เป็นของคาว หรือรสจัด ๆ หนัก ๆ อยู่แล้ว มันเป็นเรื่องของเทสต์ส่วนตัวด้วย
อาหารกลางวัน?
ยิปซี : กลางวันก็อะไรได้ ข้าวแบบไก่กระเทียมไข่ดาว ชอบอาหารตามสั่ง เราว่ามันอร่อยดี
อาหารเย็น?
ยิปซี : อาหารเย็นจะประมาณ 17:00 น. – 18:00 น. ถือว่าเลทแล้วเพราะ 20:00 น. นอนแล้ว เลยพยายามไม่กินอะไรที่หนักหรือต้องใช้พลังงานในการย่อยเยอะ ถ้าเลือกได้ก็จะกินอะไรที่เป็น ซุป ต้ม หรือบางทีถ้าอยากกินแซ่บจริง ๆ ก็จะเป็น ยำ พยายามเลี่ยงอาหารผัดน้ำมันเยอะ ๆ หรือทอดตอนเย็น
นอนกี่โมง?
ยิปซี : นอน 20:00 น. ตื่น 4:00 น. – 5:00 น. ตื่นมาแล้วเราก็ Mental Health มี Morning Routine ทำกาแฟ ทำมัฟฟิน
เท่ากับว่าไม่ค่อยเที่ยวผับ?
ยิปซี : ไม่เที่ยว เพราะว่าง่วง ไม่ได้เรียบร้อยหรืออะไร ฉันง่วง ฉันอยากนอน ฉันอยากกลับบ้าน โกสต์ฮอร์โมนดีมาก ไปตรวจมาโกสต์ฮอร์โมนแบบเลิศมาก หลับครบทุกรอบ
คิดเรื่องมีลูกบ้างไหม?
ยิปซี : ใจหนึ่งก็มีความรู้สึกว่าอยากมี แต่อีกใจหนึ่งก็จะมีคำถามขึ้นมาว่าแล้วมันจะดีกับเขาไหม เธอจะต้องเกิดมาเจออะไรบ้าง เขาจะอยากเกิดมาไหม กับ Environment โลกมันดูพุ่งลง.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน