กลุ่ม คปท. บุกทวงถาม "ผบ.ตร." จี้ให้ออกจากราชการ 2 แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ปมเอื้อ "ทักษิณ" พักรักษาตัวชั้น 14
เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 68 นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) พร้อมด้วยกองทัพธรรม และศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ติดตามทวงถาม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ให้ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง และมีคำสั่งออกราชการ กับ พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) หลังมติแพทยสภาสอบจริยธรรมทางวิชาชีพเวชกรรมของแพทย์ สั่งพักใบอนุญาต พล.ต.ท.โสภณรัชต์ 3 เดือน เหตุให้สัมภาษณ์เกินจริงอาการป่วย ส่วน พล.ต.ท.ทวีศิลป์ 6 เดือน ไม่ได้เป็นผู้ตรวจแต่ลงนามความเห็นส่งกรมราชทัณฑ์ 2 ครั้ง ให้รักษาตัวต่อเนื่องในโรงพยาบาล ทั้งที่แพทย์ตรวจอาการไม่ได้บอกว่ามีอาการป่วยวิกฤติของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นเหตุให้ได้รับอภิสิทธิ์ในการพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจ และมีโอกาสได้เลื่อนชั้นขึ้นเป็น รอง ผบ.ตร.และ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ตามลำดับในการแต่งตั้งวาระนายพลนี้
นายพิชิต กล่าวว่า ภายหลังมีมติจากแพทยสภาลงโทษบุคลากรทางการแพทย์ โดยมี พล.ต.ท.ทวีศิลป์ คนปัจจุบัน และ พล.ต.ท.โสภณรัชต์ ที่เป็นอดีตนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจนั้น วันนี้ทางกลุ่ม คปท. จึงขอเรียกร้องให้ตำรวจ 2 นายนี้ ออกจากราชการไว้ก่อน และไม่สมควรที่จะได้รับตำแหน่งสูงขึ้น ควรที่จะไล่ออก พร้อมเรียกร้องให้ทาง ผบ.ตร. ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ดำเนินคดีเกี่ยวกับอาญาและวินัย โดยเฉพาะมาตรา 157 ที่เป็นความผิดร้ายแรงโดยเร็ว และ ผบ.ตร. ต้องทำอย่างตรงไปตรงมา อีกทั้งความผิดดังกล่าวเป็นความผิดชัดเจน โดยเฉพาะผู้ช่วย ผบ.ตร. ที่เป็นหนึ่งใน 12 คน ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เตรียมจะชี้มูล และวันนี้ขอทวงถามกรณีที่มายื่นหนังสือไว้ แต่หากทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติดองไว้ ทางกลุ่มจะไม่ยอมอย่างเด็ดขาด
ด้าน พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) ได้ออกมารับหนังสือกับกลุ่มผู้ชุมนุม พร้อมเปิดเผยว่า วันนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพิ่งได้รับหนังสือมติจากแพทยสภาได้มาถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมตินั้นได้มาถึงแล้ว ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ 2 หน่วยดำเนินการต่อไป ก็คือกองวินัยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะมีการประชุมพิจารณา มีความเห็นให้ ผบ.ตร. ได้รับทราบและปฏิบัติในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ส่วนที่สองเป็นงานบริหารสำนักงานกำลังพล โดยสำนักงานกำลังพล จะได้มีความเห็น มีการพิจารณา และก็มีความเห็นเสนอ ผบ.ตร. เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป เพราะฉะนั้นใน 2 ส่วนนี้ จะดำเนินการไม่ชักช้าและเป็นไปตามหลักการทุกอย่าง และขอให้พี่น้องประชาชนรับทราบว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติยึดมั่นในเรื่องของกฎ ระเบียบ หลักเกณฑ์ที่จะต้องปฏิบัติ
โฆษก ตร. กล่าวอีกว่า รายละเอียดทุกอย่างที่เกี่ยวข้องในเรื่องของหนังสือที่มายื่นกับองค์กรต่างๆ ก็จะได้ถูกนำมาพิจารณาใช้ใน 2 ระบบกระบวนการด้วยกัน ขอยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่เลือกปฏิบัติ และก็จะเห็นว่าข้าราชการตำรวจทุกคน อยู่ภายใต้กฎ หลักเกณฑ์เดียวกันอย่างเสมอภาคและเป็นธรรม มีเรื่องนำเรียนพี่น้องเพียงเท่านี้ก่อน ส่วนความคืบหน้าที่จะเกิดขึ้นต่อไปจะเป็นอย่างไร จะแจ้งให้ทราบเป็นระยะ