"รศ.ดร.เจษฎ์" ชี้ 'พล.อ.ประยุทธ์' ยังมีสิทธิ์กลับมาเป็นนายกฯ ได้ หากพ้นจากตำแหน่งองคมนตรี
รศ.ดร.เจษฎ์ ชี้ 'พล.อ.ประยุทธ์' ยังมีสิทธิ์กลับมาเป็นนายกฯ ได้ หากพ้นจากตำแหน่งองคมนตรี แนะอย่าผูกอนาคตประเทศไว้กับคนคนเดียว
วันที่ 19 ส.ค.68 รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก อดีตที่ปรึกษากรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ให้ความเห็นเกี่ยวกับประเด็นการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 โดยระบุว่า ยังมีความไม่แน่ชัดในประเด็นการนับวาระ 8 ปี ของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญที่จะวินิจฉัยว่า การดำรงตำแหน่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ครบกำหนดตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้หรือไม่
"ผมมองว่าอาจยังไม่ครบ 8 ปี หากพิจารณาจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในอดีตที่เคยตีความไว้ว่าการนับวาระเริ่มต้นใน ปี 2560 ทำให้ยังเหลือเวลาอีกประมาณหนึ่งปีเศษ โดยต้องรอคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 29 สิงหาคมนี้" รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าว
ในส่วนของประเด็นที่ว่าหาก พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งองคมนตรี จะสามารถกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกได้หรือไม่นั้น รศ.ดร.เจษฎ์ ชี้ว่า เป็นเรื่องที่สามารถถกเถียงได้ในเชิงข้อกฎหมาย เนื่องจากการเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องพิจารณาคุณสมบัติในขณะเสนอชื่อ และต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 98 กำหนดไว้
"มาตรา 98 ไม่ได้ห้ามองคมนตรีโดยตรง แต่ระบุถึงลักษณะของข้าราชการประจำที่มีเงินเดือน หากต้องการให้ทุกอย่างชัดเจน ทางที่ดีที่สุดคือควรลาออกจากตำแหน่งก่อนการเสนอชื่อ" รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าว
เมื่อถูกถามถึงความเป็นไปได้ที่อดีตนายกรัฐมนตรีอย่างนายเศรษฐา ทวีสิน จะกลับมาอีกครั้ง รศ.ดร.เจษฎ์ ให้ความเห็นว่า ไม่ว่าจะเอาเศรษฐา หรือ แพทองธาร กลับมา เดี๋ยวโดนอีกอยู่ดี เป็นการเหยียบหัวคนไทย ส่วน นายชัยเกษม ก็อาจมีเรื่อง ม.112 เข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นเรื่องที่อาจเกิดแรงต้านทางสังคม ทั้งนี้ ต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตาม ม.160 และ 98
ในประเด็นที่ว่า หากไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ ใครจึงจะเป็นทางออกทางการเมือง รศ.ดร.เจษฎ์ ระบุว่า ยังมีบุคคลอื่นในระบบการเมืองที่สามารถเข้ามาทำหน้าที่ได้ เช่น นายชัยเกษม นิติสิริ, นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หรือ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นต้น รวมถึงยังสามารถมีการเสนอชื่อจากพรรคร่วมรัฐบาล หรือฝ่ายค้านตามธรรมเนียมปฏิบัติของระบบรัฐสภา
อย่าลืมว่าสภาผู้แทนราษฎรเป็นต้นทางของรัฐบาล และมีหน้าที่สำคัญในการกำหนดทิศทางประเทศ ไม่ควรผูกอนาคตประเทศไว้กับบุคคลใดเพียงคนเดียว รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าว พร้อมย้ำว่า การเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ควรเป็นไปตามกลไกของรัฐธรรมนูญ โดยไม่จำเป็นต้องยุบสภาหรือกลับไปเลือกตั้งใหม่เสมอไป
นอกจากนี้ รศ.ดร.เจษฎ์ ยังให้ความเห็นถึงกรณีการวินิจฉัยคดีของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ว่า "ผมไม่เห็นว่าบุคคลใดควรอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจากสถานการณ์ปัจจุบัน และจากแนวโน้มการพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ อาจมีมติ 9 ต่อ 0 ได้ หากพิจารณาจากพฤติการณ์และข้อเท็จจริงที่มีความร้ายแรงกว่ากรณีของนายเศรษฐาอย่างชัดเจน"