PTTGC-SCC เด่นรับปิโตรฟื้น เกาหลีใต้-จีน ลดกำลังผลิต
#PTTGC #SCC #ทันหุ้น – อุตสาหกรรมปิโตรเคมีเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวเร็วกว่าคาด หลังผู้ผลิตในยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีนทยอยปิด–ลดกำลังการผลิตรวมกว่า 13-14 ล้านตัน คิดเป็นครึ่งหนึ่งของกำลังการผลิตส่วนเกิน คาดอุตสาหกรรมออกจากวัฏจักรขาลงได้ในปี 2569–2570 เลือก PTTGC เป้า 28.20 บาท และ SCC เป้า 254 บาท เป็นหุ้นเด่น ขณะที่กลุ่มพลังงานยังเผชิญแรงกดดันจากราคาน้ำมันทรงตัวถึงขาลงตามอุปทานล้นตลาดหลัง OPEC+ คลายคุมกำลังผลิต
นายจักรพงศ์ เชวงศรี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุแม้ภาพรวมผลการดำเนินงานกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงาน – ปิโตรเคมี ระยะสั้นยังมีแนวโน้มอ่อนแอ แต่หากแยกเป็นรายอุตสาหกรรม กลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีอยู่ระหว่างปรับสมดุลกำลังกาผลิต ซึ่งจะส่งผลต่อสถานการณ์กำลังการผลิตล้นตลาด (Oversupply) ในระยะ 6 – 12 เดือนข้างหน้า จนอาจออกจากวัฏจักร “ขาลง” ได้ในระยะ 1-2 ปีข้างหน้า (2569 – 2570) จากเดิมที่ตลาดคาดไว้หลังจากปี 2571 เป็นต้นไป
การปรับลดกำลังการผลิตในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ประกอบด้วย
1.โรงงานที่มีต้นทุนการผลิตสูงโดยเฉพาะในทวีปยุโรป และประเทศญี่ปุ่นเริ่มทยอยปิดตัวลง
2.ความร่วมมือของผู้ประกอบการในเกาหลีใต้กว่า 10 รายร่วมกันปรับลดกำลังการผลิตลงราว 2.7 – 3.7 ล้านตันต่อปี และ 3.ประเทศจีนเริ่มตรวจสอบโรงงานปิโตรเคมีที่มีอายุการใช้งานเกิน 20 – 30 ปีซึ่งมีกำลังกาผลิตรวมราว 5.2 ล้านตันต่อปี คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10-13% ของกำลังการผลิตรวมในประเทศจีน โดยหากโรงงานเหล่านี้มีศักยภาพก็จะสั่งปิดในทันที
“เมื่อรวมกำลังการผลิตที่ลดลงทั้งหมดจากแหล่งต่างๆ เหล่านี้ คาดว่าจะสูงถึงประมาณ 13-14 ล้านตันคิดเป็นราว 50% ของกำลังการผลิตส่วนเกินที่อยู่ในตลาด พัฒนาการเหล่านี้ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมปิโตรเคมี เพราะอาจนำไปสู่ ภาพการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิม”
สำหรับสถานการณ์ของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในไทย เร่งปรับกลยุทธ์ภายในองค์กร อาทิ
1.ทยอยขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (Non-Core Asset) เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน
2.มีการลดต้นทุนและปรับเปลี่ยนการผลิต เช่น PTTGC และ SCC ทยอยเปลี่ยนเชื้อเพลิงไปใช้ก๊าซอีเทน ที่นำเข้าจากอเมริกาเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีราคาถูกมาก ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันเมื่อเทียบกับผู้ผลิตรายอื่น
ราคาน้ำมัน “ขาลง”
ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงาน นายจักรพงศ์ คาดการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก มีแนวโน้มทรงตัวถึงขาลงเล็กน้อย (Sideway Downward) เนื่องจากกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน OPEC+ ทยอยยกเลิกข้อตกลงลดกำลังการผลิต (Production Cut Deal) ออกมาเรื่อยๆ ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกทยอยเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันความต้องการใช้ (Demand) ยังคงชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ตาม บริษัทจดทะเบียนในไทยดำเนินธุรกิจผสมผสานทั้งธุรกิจโรงกลั่น และปิโตรเคมีเช่น PTTGC, IRPC และ SCG Chemical ดังนั้นในระยะกลาง การฟื้นตัวของธุรกิจปิโตรเคมีจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น จากเดิมที่เคยเป็นตัวถ่วง จึงมีมุมมอง “เป็นกลาง” ต่ออุตสาหกรรมปิโตรเคมี เนื่องจากการปรับลดกำลังการผลิตที่กำลังจะเกิดขึ้นน่าจะเร่งให้อุตสาหกรรมแตะระดับต่ำสุดเร็วขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิด Upside ต่อราคาและส่วนต่างราคาปิโตรเคมีภัณฑ์ในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า
โดยเลือก PTTGC ราคาเหมาะสม 28.20 บาท และ SCC ราคาเหมาะสม 254 บาท เป็นหุ้นเด่น จากแม้ราคาหุ้นจะปรับขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ยังถือว่า ไม่แพง (PTTGC อยู่ที่ประมาณ 0.4 เท่าของ Price Per Book Value (P/BV) และ SCC อยู่ที่ประมาณ 0.7 เท่า P/BV) ในวัฏจักรปกติของปิโตรเคมี PTTGC เคยเทรดได้ถึงเกือบ 0.7 เท่า P/BV และ SCC ใกล้ 1 เท่า P/BV หากอุปทานลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ก็ยังมีโอกาสที่ราคาหุ้นจะปรับขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง
แต่มีมุมมองเชิงลบต่อกลุ่มพลังงาน จากอุปทานน้ำมันดิบล้นตลาด อันเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงและการลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจของกลุ่ม OPEC+ที่เร่งตัวขึ้น