สัญญาณโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์เลี้ยง | วิธีสังเกตและป้องกัน
โรคพิษสุนัขบ้า เป็นโรคไวรัสที่รุนแรงและสามารถติดต่อสู่คนได้ หากเจ้าของสัตว์เลี้ยงสามารถสังเกต สัญญาณเตือน ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดและเพิ่มโอกาสในการป้องกันอย่างทันท่วงที
บทความนี้จะพาไปรู้จัก 3 ระยะของอาการโรคพิษสุนัขบ้า พร้อมวิธีสังเกตอย่างละเอียด เพื่อให้คุณปกป้องสัตว์เลี้ยงและคนรอบข้างได้อย่างปลอดภัย
ระยะที่ 1 (Prodromal Stage) — อาการเริ่มต้นของโรคพิษสุนัขบ้า
ในระยะนี้จะกินเวลาประมาณ 1-3 วัน อาการยังไม่ชัดเจนมาก แต่สามารถสังเกตได้จากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เช่น
- สุนัข: ซึม ไม่ร่าเริง เก็บตัวอยู่ตามมุมมืด หรือมีอาการตกใจง่าย
- แมว: อาจก้าวร้าวขึ้น หรือซึมและชอบหลบซ่อนตัว
- อาการร่วม: มีไข้ เบื่ออาหาร หรือคันบริเวณที่ถูกกัด
คำแนะนำ: หากพบพฤติกรรมผิดปกติ ควรจดบันทึกและสังเกตต่อเนื่อง
ระยะที่ 2 (Furious Stage) — สัตว์เลี้ยงเริ่มก้าวร้าว
เป็นช่วงที่เชื้อไวรัสส่งผลต่อระบบประสาทอย่างรุนแรง อาการที่สังเกตได้ชัดเจน ได้แก่
- ก้าวร้าวผิดปกติ: จากที่เคยเชื่อง กลายเป็นดุร้าย กัดทุกอย่างที่ขวางหน้า
- เสียงเห่าหอนแปลกไป: เห่าหอนดังต่อเนื่อง หรือมีเสียงแหบพร่า
- อาการทางกาย: กล้ามเนื้อกระตุก เดินเซ ตาเหม่อลอย น้ำลายไหลยืด ไม่ชอบกินน้ำ
ข้อควรระวัง: หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ และอย่าให้สัตว์เข้าใกล้คนหรือสัตว์อื่น
ระยะที่ 3 (Paralytic Stage) — อัมพาตและใกล้เสียชีวิต
ระยะสุดท้ายนี้สัตว์จะมีภาวะอัมพาตและเสียชีวิตในเวลาไม่นาน อาการสำคัญ ได้แก่
กลืนไม่ได้: กล้ามเนื้อการกลืนเป็นอัมพาต น้ำลายไหลตลอดเวลา
ขาอ่อนแรง: เดินไม่ได้ ล้มบ่อย
อัมพาตทั่วร่างกาย: ลามไปถึงกล้ามเนื้อหายใจ ทำให้เสียชีวิตภายใน 2-4 วันหลังแสดงอาการ
วิธีป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์เลี้ยง
1.พาสัตว์เลี้ยงไป ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ตามกำหนดทุกปี
2.ไม่ปล่อยสัตว์เลี้ยงให้ออกไปสัมผัสสัตว์จรจัด
3.หากถูกสัตว์กัดหรือข่วน ให้รีบล้างแผลด้วยน้ำและสบู่ และไปพบแพทย์ทันที
การสังเกต สัญญาณเตือนโรคพิษสุนัขบ้า ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นมีความสำคัญอย่างมาก เพราะช่วยป้องกันการแพร่เชื้อและเพิ่มโอกาสปกป้องทั้งสัตว์เลี้ยงและคนในครอบครัว หากพบอาการผิดปกติ ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์โดยด่วน