สุรพศ ทวีศักดิ์ ย้อนแพรรี่!! บอกไม่ได้สนับสนุนสงคราม แต่โพสต์นี้คือหลักฐานยืนยัน!
สุรพศ ทวีศักดิ์ ย้อนโพสต์แพรรี่เย้ยหยันชาวกัมพูชา หลังเกิดดราม่าโชว์รายได้แซะเขมร
ผู้สื่อข่าวโตโจ้นิวส์รายงานว่า นาย สุรพศ ทวีศักดิ์ นักวิชาการด้านปรัชญา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
ปัญหาของผู้รู้พุทธไทย (ที่ไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้)
แพรี่แก้ต่างให้ตนเองว่า “ไม่ได้สนับสนุนสงคราม” แต่โพสต์ของเขา (ตามภาพด้านล่างเป็นต้น) คือหลักฐานยืนยัน ยังมีเรื่องช่วงปิดด่านที่เขาเย้ยหยันว่าชาวกัมพูชาจะไม่ได้ซื้อผงชูรส น้ำปลา มาม่า ปลากระป๋องจากไทย และในช่วงการปะทะก็พูดถึงศพทหารกัมพูชาจะเป็นปุ๋ยรากมะม่วง ฯลฯ
ข้อวิจารณ์ที่มีเหตุผลของ อ.ปวิน แพรี่โต้แย้งไม่ได้ และเขาไม่ได้แสดงออกว่าจะนำไปใคร่ครวญใดๆ เลย การตอบโต้ของแพรี่ไม่ใช่การหักล้างข้อเท็จจริง หลักการ และเหตุผลของ อ.ปวิน แต่เป็นการพูดถึงบุคลิกภาพ คำพูดในเรื่องอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับประเด็นปัญหาที่ อ.ปวินชี้ให้เห็น
ผมคิดว่านี่เป็นปัญหาของคนที่เรียนมาทางพุทธศาสนาในบ้านเรา ซึ่งความรู้ที่พวกเขาเรียนมาแบบเน้นการท่องจำ คือความรู้ที่ผลิตสร้างและผลิตซ้ำโดยระบบการศึกษาสงฆ์ภายใต้ ศาสนจักรพุทธราชาชาตินิยม ความรู้พุทธศาสนาเช่นนี้ถูกผลิตสร้างในรูปหลักสูตรการศึกษาพระปริยัติธรรมและบาลีมาตั้งแต่สมัย ร.5 จนกระทั่งปัจจุบันก็ยังไม่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหลักสูตรดังกล่าวเลย (เพราะไม่กล้าแตะสิ่งที่พวกเจ้าสร้างไว้)
ดังนั้น จึงเป็นความรู้พุทธศาสนาที่เป็น พุทธราชาชาตินิยม นั่นคือความรู้ตามคัมภีร์และแนวทางการตีความคำสอนในคัมภีร์ที่ “สมเด็จพระสังฆราชเจ้า” วางเอาไว้ การเรียนรู้พุทธศาสนาส่วนอื่นๆ รวมทั้งหลักสูตรวิชาพระพุทธศาสนาในโรงเรียนเป็นเพียงส่วนขยายของความรู้แบบพุทธราชาชาตินิยมที่ชนชั้นนำสร้างไว้
แก่นแกนของความรู้แบบพุทธราชาชาตินิยม คือ การเน้นความจำคำสอนตามคัมภีร์ไตรปิฎกและอรรถกถาและการตีความคำสอนพุทธศาสนาสนับสนุนบุญญาธิการของกษัตริย์ และอุดมการณ์ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ความรู้เช่นนี้จึงไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับความรู้หรือภูมิปัญญาแบบโลกวิสัยสมัยใหม่ในระดับที่สามารถผลิตสร้างนักศึกษา นักวิชาการด้านพุทธศาสนาทั้งพระและฆราวาสที่เข้าใจทั้งความลึกซึ้งของพุทธธรรมเอง และสามารถประยุกต์พุทธธรรมในเชิงสนับสนุนหรือส่งเสริมกันและกันกับคุณค่าสมัยใหม่ เช่น สิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย และอื่นๆ ได้อย่างลึกซึ้ง และเท่าทันความเป็นไปของสังคมและโลกสมัยใหม่
ไม่แปลกเลยที่ยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านพุทธศาสนาในบ้านเราเสนอให้ใช้โมเดลแบบพระเจ้าอโศก, โมเดลแบบพระเจ้าติโลกราช และโมเดลแบบ ร.5 แก้ปัญหาระบบปกครองและการศึกษาสงฆ์ปัจจุบัน โดยไม่มีไอเดียโลกวิสัย หรือไอเดียปฏิรูปการปกครองและการศึกษาสงฆ์ให้สอดคล้องกับสังคมประชาธิปไตยโลกวิสัยเลย
พระและฆราวาสหลายๆ คนที่มีชื่อเสียง สังคมยกย่องว่าเป็น ผู้รู้พุทธศาสนา ผู้คนในสังคมแทบไม่เอ๊ะด้วยซ้ำว่า ”ตัวเนื้อหา“ ของความรู้และความคิดแบบพุทธที่พวกเขามีนั้นคือเนื้อหาที่ผลิตสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองสังคมและการเมืองแบบยุคก่อนสมัยใหม่
ยากครับที่แพรี่จะ เข้าใจ แนวคิด หลักการ เหตุผล หรือ arguments แบบโลกวิสัยที่อยู่บนฐานของความรู้และภูมิปัญญาสมัยใหม่(หรือหลังสมัยใหม่) ที่ อ.ปวิน (เป็นต้น) ใช้ตั้งคำถามและวิจารณ์บทบาทแพรี่ที่โหนกระแสสงครามเฮงซวยซึ่งในที่สุดแล้วมีแต่เกิดผลเสียแก่ชีวิตทหารชั้นผู้น้อยและประชาชนทั้งสองประเทศที่ต้องใช้เวลาเยียวยาและสมานบาดแผลความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศอีกยาวนาน
หรือแม้แต่ arguments ที่อิงหลักการพุทธศาสนาในเรื่องการใช้ความเข้าใจและเห็นในเพื่อนมนุษย์ที่ อ.ปวินนำมาใช้วิจารณ์ และนักปรัชญาสมัยใหม่ก็มองว่าเข้ากันได้กับคุณค่าสากล แพรี่ก็ดูเหมือนจะไม่เก็ต เพราะความเป็นผู้รู้พุทธที่บรรจุเนืีอหาความรู้แบบพุทธราชาชาตินิยมไม่ได้ช่วยให้เขาตระหนักในความสำคัญของ “การตรวจสอบตนเอง” บนฐานคิดที่ว่า “เราควรรู้ว่าตนเองไม่รู้” เพราะนี่คือ “ความจริงแรก” ที่จะนำไปสู่การเรียนรู้และพัฒนาความคิดสติปัญญาในด้านต่างๆ ได้
เพราะ “ไม่รู้ในความไม่รู้ของตน” นั่นเอง จึงทำให้แพรี่แทนที่จะ “รับฟังอย่างใคร่ครวญ” กลับยิ่งโชว์ความไม่รู้ไปโจมตี #ตลาดหลวง อย่างไร้เดียงสา
เพราะไม่มีความรู้หรือไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเขาสร้างตลาดหลวงขึ้นมาบนฐานคิด “คนเท่ากัน” ตามไอเดียเสรีนิยมอย่างไร และเพื่ออะไร ก็เลยยิ่งไปกันใหญ่
#เพื่อไม่พลาดข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดติดตามพวกเรา TOJO NEWS