พริษฐ์ภูมิใจ ตัดงบปรับปรุงสภาสูงสุด 880 ล้าน ช่วยประหยัดภาษีประชาชนท่ามกลางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่
วันนี้ (15 สิงหาคม) ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วาระที่ 2-3 วงเงิน 3,780,600 ล้านบาท ในระหว่างวันที่ 13-15 สิงหาคม ซึ่งเป็นการพิจารณาเป็นรายมาตรา (วาระ 2) เป็นวันสุดท้าย
พริษฐ์ วัชนสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการที่สงวนความเห็นมาตรา 30 หน่วยงานของรัฐสภา กล่าวว่า รัฐสภาที่ดี และควรภาคภูมิใจ ไม่ใช่อาคารที่หรูหรา ยิ่งใหญ่ อลังการ แต่คือรัฐสภาที่สามารถขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่ประชาชนต้องการ และไม่ใช่รัฐสภาที่แข่งกันใช้งบประมาณกับฝ่ายบริหารและฝ่ายตุลาการ แต่เป็นรัฐสภาที่แข่งกันตรวจสอบซึ่งกันและกัน และไม่ใช่รัฐสภาที่มองว่า การตรวจสอบเป็นการเผาบ้านตนเอง แต่มองว่าเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อรักษาความชอบธรรมของสภาผู้แทนราษฎรในการตรวจสอบงบประมาณของหน่วยงานอื่นต่อไป
พริษฐ์กล่าวว่า ตนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะรายงานต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า คณะกรรมาธิการงบประมาณได้ปรับลดงบประมาณของหน่วยงานรัฐสภารวมทั้งสิ้น 880 ล้านบาท หากเทียบในระดับกระทรวง ถือว่ารัฐสภาถูกปรับลดงบมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง และมากที่สุดในบรรดาหน่วยงานระดับกรมด้วย
พริษฐ์ยกตัวอย่างโครงการที่ถูกปรับลดงบประมาณ 100% ได้แก่ โครงการปรับปรุงศาลาแก้ว มูลค่า 123 ล้านบาท และโครงการปรับปรุงห้องประชุม มูลค่า 118 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้จะไม่มีการใช้ภาษีประชาชนแม้แต่บาทเดียวกับโครงการเหล่านี้
นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่แม้ไม่สามารถตัดออกได้ทั้งหมด แต่ปรับลดในสัดส่วนสูง เช่น โครงการห้องบรรยายใหญ่และระบบภาพยนตร์ 4D ปรับลดได้ 70% โดยตัดระบบ 4D ออก เหลือเพียงห้องสาระนิเทศทั่วไป ประหยัดงบได้ 126 ล้านบาท และโครงการจัดซื้อจอ LED ทั้งในและนอกอาคารรัฐสภา ปรับลด 10% ประหยัดงบได้ 57 ล้านบาท
พริษฐ์ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อย เห็นว่ายังมีงบประมาณของรัฐสภาที่สามารถปรับลดได้มากกว่าที่ทำไปแล้ว เช่น งบเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งสามารถลดเกินกว่า 10% ตามที่กรรมาธิการปรับลง โดยไม่กระทบต่อการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ
รวมถึงงบประมาณสำหรับพัฒนาแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันต่างๆ ก็ควรปรับลดได้มากกว่านี้ เช่น กรณีที่สมาชิกวุฒิสภาขอชะลอโครงการออกไปอีกหนึ่งปี หากสามารถปรับระบบการทำงานให้สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักเลขาธิการวุฒิสภา ซึ่งอยู่ในอาคารเดียวกัน ได้ใช้ทรัพยากรร่วมกันแทนที่จะตั้งงบแยกกัน
พริษฐ์กล่าวถึงงบของอาคารสำนักงานสถาบันพระปกเกล้า โดยเชื่อว่าสามารถปรับลดได้เกือบทั้งหมด หากมีนโยบายให้สถาบันฯ ย้ายมาทำงานในอาคารรัฐสภา เนื่องจากมีงานหลายด้านเชื่อมโยงกับหน่วยงานต่างๆ ของรัฐสภา และหากอยู่ในสถานที่เดียวกัน จะเพิ่มโอกาสให้ สส. ใช้ผลงานวิชาการของสถาบันมากขึ้น
แม้จะไม่สามารถปรับงบได้ตามที่เสนอ แต่พริษฐ์ยืนยันว่า การที่คณะกรรมาธิการงบประมาณปรับลดงบของรัฐสภาในปีนี้รวม 880 ล้านบาท ถือเป็นความคืบหน้าสำคัญในการประหยัดภาษีประชาชนท่ามกลางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ และเป็นสัญญาณว่ารัฐสภาพร้อมตรวจสอบตนเอง พร้อมขอบคุณคณะกรรมาธิการและอนุกรรมาธิการทุกท่านที่ร่วมผลักดัน
การจัดทำงบประมาณร่วมกันในครั้งนี้ จะไม่เป็นเพียงความสำเร็จเพียงครั้งเดียว แต่เป็นสัญญาณเตือนให้ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า งบประมาณแผ่นดินของทุกหน่วยงานควรถูกเปิดเผยเร็วขึ้น ละเอียดขึ้น และให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้น เพื่อให้ผู้มีอำนาจคิดรอบคอบก่อนตั้งงบที่ฟุ่มเฟือยเกินจำเป็น
พริษฐ์ทิ้งท้ายว่า การตัดสินใจของตนและคณะทำให้ถูกตำหนิจากผู้บริหารสภากลางที่ประชุม แต่หวังว่าเมื่อเวลาผ่านไป จะกลายเป็นความปกติใหม่ และบรรทัดฐานใหม่ของรัฐสภา ในการตรวจสอบและปกป้องภาษีของประชาชนทุกคน