โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ฟ้องเขมรแค่ในปท. ‘อ้วน’ขึงขังเจอตัวผู้นำจับทันที/กห.ยันไม่ถอนรั้วลวดหนาม

ไทยโพสต์

อัพเดต 19 สิงหาคม 2568 เวลา 4.28 น. • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ผลประชุม สมช.สุดพิลึกพิลั่น “ภูมิธรรม” อ้างมาตรา 157 สั่งตำรวจทำเรื่องชงอัยการฟ้องกัมพูชาและผู้นำแค่ในประเทศ ทั้งคดีอาญาและแพ่ง ลั่นเจอตัวในไทยจับทันที รับฟ้องศาลโลกไม่ได้เพราะไม่รับเขตอำนาจ ยังไม่ตัดสินใจสอบเส้นทางเงินเครือข่ายฮุน เซน “ณัฐพล” ยันไม่ถอนรั้วลวดหนามบ้านหนองจานแน่ “วินธัย” เปิดที่มาที่ไป ระบุชัดไทยช่วยเขมรเพื่อมนุษยธรรมยามเจอสงคราม แต่จะมาตีกินเอาพื้นที่ของไทยไม่ได้

เมื่อวันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาทั้ง 7 จังหวัดเหตุการณ์ปกติ กองทัพไทยยังวางกำลังตามแนวที่มั่นทั้ง 11 พื้นที่ และวางรั้วลวดหนามอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาอธิปไตยของไทยไม่ให้ใครล่วงล้ำเข้ามา

ขณะเดียวกัน ศบ.ทก.แจ้งความคืบหน้าการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) ไทย-กัมพูชา ว่ากองเลขาฯ ฝ่ายกัมพูชาประสานขอเลื่อนประชุมจากเดิมวันที่ 21 ส.ค. 2568 เป็นวันที่ 27 ส.ค. 2568 ซึ่ง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เสนอ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ.แล้วไม่ขัดข้อง จึงเลื่อนการประชุมดังนี้ วันที่ 25-26 ส.ค. 2568 ประชุมกองเลขาฯ และวันที่ 27 ส.ค. 2568 ประชุมอาร์บีซีสมัยวิสามัญ ที่บริเวณกึ่งกลางจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ

พล.ท.บุญสินกล่าวว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการประชุมร่วมกับ พล.อ.พนา เพื่อหารือหัวข้อการประชุมอาร์บีซี โดยจะนำข้อสรุปของการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ไทย-กัมพูชา มาทบทวนและลงรายละเอียดเล็กน้อย โดยหัวข้อประชุมอาร์บีซี นอกจากเรื่องเก็บกู้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแล้ว ยังจะหารือไม่ให้เพิ่มกำลังหรือรุกล้ำในจุดที่วางกำลังอยู่ เช่นการบินโดนประชิดแนว เนื่องจากล่อแหลมให้เกิดการปะทะกัน

เมื่อถามว่า หัวข้อการประชุมจะนำไปสู่รูปธรรมได้หรือไม่ พล.ท.บุญสินระบุว่า ขึ้นอยู่กับระดับผู้นำของกัมพูชาด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม ถ้าเป็นเรื่อง 50:50 เขาก็มักจะขออนุญาตหารือกับผู้นำเขาก่อน ซึ่งเป็นธรรมดาปกติของกัมพูชาที่ยึดแนวนี้อยู่แล้ว ส่วนที่มีการพูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 1 เรื่องพื้นที่จังหวัดชายแดนสระแก้วนั้น ก็มีแนวทางเช่นเดียวกับกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด

สำหรับกำหนดการประชุมอาร์บีซีในส่วนกองทัพภาคที่ 1 จัดขึ้นวันที่ 22 ส.ค. เวลา 09.00 น. โดย พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 จะเดินทางไปร่วมประชุมอาร์บีซีที่สโมสรมณฑลทหารบก ที่ 19 ต.ท่าเกษม อ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว โดยฝั่งกัมพูชาส่งผู้บัญชาการทหารภูมิภาคทหารที่ 5 กัมพูชา พร้อมคณะเข้าร่วม โดยในวันที่ 21 ส.ค. ฝ่ายเลขาฯ อาร์บีซีไทย-กัมพูชาจะหารือกันก่อน ฝ่ายไทยนำโดยเสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 ขณะที่ฝ่ายกัมพูชานำโดยรองผู้บัญชาการทหารภูมิภาคทหารที่ 5 และวันที่ 27 ส.ค.เป็นการประชุมอาร์บีซีในส่วนกองทัพภาคที่ 2 ที่กึ่งกลางจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ

ด้าน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม กล่าวถึงการประชุมอาร์บีซีของกองกำลังชายแดนจันทบุรี ตราด ที่มีข่าวออกมาว่าไม่ได้อะไร เพราะกัมพูชาไม่ตอบรับ ว่าก็เป็นไปตามผลการจีบีซีที่เขาไม่ตอบรับ ก็เหมือนเดิม ทั้งเรื่องทุ่นระเบิดและสแกมเมอร์

ไม่แปลกใจเลื่อนอาร์บีซี

เมื่อถามว่า การประชุมอื่นๆ ที่เลื่อนออกไปเป็นการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ไม่มีอะไร กัมพูชาเวลาเขาประชุมกัน ทีมที่มาคุยเขาจะใช้ทีมเดียวกัน เพราะฉะนั้นกองกำลังบริเวณชายแดนจันทบุรี ตราด เขาก็จะไปทางกองทัพภาคที่ 2 ต่อ ซึ่งไม่มีอะไร มันเป็นเรื่องของตัวบุคคลที่เขาใช้คณะเดียวกันในการพูดคุย แต่ของเราใช้คนละทีม ซึ่งเราไม่มีปัญหาอะไร

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ กล่าวถึงกรณีกองทัพภาคที่ 2 เลื่อนการประชุมอาร์บีซีว่า ไม่เป็นไร เราก็บันทึกไปเรื่อยๆ ว่าเขาให้ความร่วมมือหรือไม่ให้ความร่วมมือ ซึ่งการประชุมมันยังมีอีกหลายระดับ ทั้งจีบีซีและคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ที่ต้องไปคุยกัน

นายภูมิธรรมยังกล่าวถึงกรณีองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองขอนแก่น แจ้งความตำรวจขอนแก่นเพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษเอาผิด ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, 120, 124, 157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง กรณีปล่อยให้กัมพูชารุกรานว่า ไม่เป็นไร เขาก็เคยเป็นนักการเมืองที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ว่าไปตามกฎหมาย สบายๆ ฟ้องตอนนี้ก็มีเรื่อง และคิดว่าตอนนี้สังคมไทยมันมีเรื่องที่ต้องไปทบทวนกฎหมายอีกหลายอย่างเหมือนกัน ไม่ใช่อยู่ๆ ใครนึกอยากทำอะไรก็ทำได้ ให้กระบวนการยุติธรรมว่าไปเลยไม่มีปัญหาอะไร

ในเวลา 18.00 น. นายภูมิธรรมได้แถลงผลการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ว่า ที่ประชุมได้ประเมินสถานการณ์ปัจจุบันที่ยังต้องเฝ้าระวัง มีเรื่องกระทบกระทั่งกันอยู่ ทางกองทัพและกระทรวงกลาโหมยังติดตามอย่างใกล้ชิด ขณะที่การเจรจาเขตแดนทั้งหลายยังไม่จบง่ายๆ ต้องรอการประชุมอาร์บีซีวันที่ 27 ส.ค. และการประชุมจีบีซีวันที่ 8-10 ก.ย.ที่ประเทศกัมพูชา และให้ทุกหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการแจ้งเตือนให้มากขึ้น ซึ่งต้องเป็นเอกภาพสื่อสารประสานงานอย่างเต็มที่ ขณะนี้มีการสร้างความสับสนแก่ประชาชน มีกระบวนการไอโอ อยากฝากให้พวกเราอย่าตกเป็นเหยื่อ รัฐบาลจะดูแลให้เกิดประโยชน์สูงสุด เอาประเทศชาติ อธิปไตย ชีวิตและทรัพย์สินประชาชนเป็นที่ตั้ง

ฟ้องเขมรแค่ในประเทศ

นายภูมิธรรมกล่าวต่อว่า ได้พูดกันเรื่องการดำเนินคดีตามกฎหมาย กรณีกัมพูชาใช้กำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ในการรุกรานอธิปไตยของไทย ซึ่งมีหลายส่วนที่กระทบกับชีวิต ทรัพย์สินประชาชนคนไทย และเราเตรียมฟ้องร้องกัมพูชารวมทั้งผู้นำกัมพูชา โดยได้มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) รับเรื่องนี้แล้ว และมอบหมายกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ให้เป็นศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์จากประชาชนและหน่วยราชการต่างๆ และคดีบุคคลต่างๆ ในการร้องเรียน จากนั้นให้ส่งไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อฟ้องร้อง ทั้งหมดจะเป็นฟ้องในประเทศ โดยผู้ก่อเหตุอยู่ภายนอกประเทศ

“จุดสำคัญคือเราจะฟ้องเฉพาะในประะเทศเท่านั้น จะไม่ไปฟ้องที่กฎหมายระหว่างประเทศ เพราะเราทำในหน้าที่กรอบตรงนี้ และไม่ทำก็ไม่ได้ ถ้าหากเราไม่ทำอาจจะโดนข้อหามาตรา 157 ที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ฉะนั้นเรื่องนี้เราจะดำเนินโดยมีสำนักงานอัยการสูงสุดทำหน้าที่ทนายแผ่นดินรับเรื่องฟ้องร้อง โดยมี ตร.และกองบัญชาการตำรวจภูธร เป็นตัวกลางสอบสวนรวบรวมเอกสารทั้งหมด”

เมื่อถามว่า การฟ้องภายในประเทศเราจะเอาผู้ต้องหาเข้ามาอย่างไร นายภูมิธรรมตอบว่า เป็นการฟ้องที่สามารถดำเนินการได้ เป็นคดีที่เป็นการฝากขัง ถ้าเข้ามาในประเทศเจอเมื่อไหร่ก็จับ

ถามย้ำว่า จะฟ้องทั้งนายฮุน เซน และนายฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชา ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ให้อัยการสูงสุดไปดูและรวบรวมคดีดำเนินการตามข้อเท็จจริงตามกฎหมาย

เมื่อซักต่อว่า จะฟ้องข้อหาเจตนาฆ่าเลยหรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า "ผมไม่ใช่ทนาย เป็นคดีทั้งอาญาและแพ่ง"

เมื่อถามว่า ทำไมเราไม่ฟ้องโดยใช้กฎหมายระหว่างประเทศ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นเหตุการณ์ที่กระทบต่อชีวิตทรัพย์สินในประเทศ รวมทั้งสถานที่ราชการต่างๆ แต่ว่าผู้ก่อเหตุอยู่นอกประเทศ วันนี้เราก็ดำเนินการภายในประเทศตามอำนาจหน้าที่ที่ทำได้เลย ส่วนต่างประเทศนั้นเราไม่ได้รับขอบเขตอำนาจของศาลโลก ฉะนั้นตรงนี้ก็ยังไม่ไปถึงตรงนั้น

ถามต่อว่า เราสามารถสืบหาเส้นทางการเงินของเครือข่ายนักการเมืองกัมพูชาในไทย หรือเส้นทางการเงินของนายฮุน เซน ทำได้เลยหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องไปพิจารณาให้เหมาะสม ถ้าจะทำก็ยังพูดไม่ได้ มันไม่ใช่เรื่องที่ควรมาพูด

ถามอีกว่า ถ้าจะทำเขาก็อาจรู้ตัวใช่หรือไม่ถ้าเราพูด นายภูมิธรรมกล่าว่า ไม่ใช่ เรายังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องนี้ เป็นเรื่องการดำเนินการตามปกติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

เมื่อถามว่า จะยังมี ศบ.ทก.อยู่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ยังไม่ได้พูดว่าจะยุบเลยซักคำ

รักษาการนายกฯ กล่าวถึงกรณีชาวกัมพูชามาสร้างหมู่บ้านในเขตประเทศไทย และมาอ้างเป็นพื้นที่ของตนที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ว่าข้อตกลงคือให้หยุดยิง ใครอยู่ตรงไหนให้อยู่ตรงนั้น ฉะนั้นตอนนี้เรายังคงยืนอยู่ ณ จุดนี้ ซึ่งต้องพูดคุยกันในครั้งต่อไปอีกประมาณเดือน ก.ย. 2568 ยืนยันที่เราได้วางลวดหนามไว้กัมพูชาเข้ามาไม่ได้

ลั่นไม่ถอนรั้วลวดหนาม

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้กัมพูชาพยายามใช้มวลชนเข้ามากดดันทหารไทย นายภูมิธรรมกล่าวว่า ที่มีมวลชนมาเป็นเรื่องของประเทศเขาที่ต้องดำเนินการ รวมถึงที่เขามาสร้างหมู่บ้านด้วย รอให้เจ้าหน้าที่มาคุยกัน ซึ่งการคุยเรื่องของเขตแดนไม่สามารถคุยจบได้ในครั้งเดียว ฉะนั้นมันยังอยู่ในประเด็นที่จะต้องพูดคุยกันต่อ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับกลไกเจบีซี ซึ่งต้องมีการชี้เขตกันให้ชัด

เมื่อถามว่า โซเชียลมีการแชร์กันว่าสุดท้ายแล้วที่ประชุม สมช.มีมติที่จะถอนรั้วลวดหนามออกเพื่อให้เกิดสันติภาพจริงหรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า “ไม่จริงๆ รับรอง ถ้านั่งอยู่ในที่ประชุมไม่มีหรอก”

พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก แถลงว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นอาณาเขตของประเทศไทย ซึ่งอยู่บริเวณ บ.หนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว รอยต่อแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ระหว่างหลักเขตแดนที่ 46 และ 47 โดยบริเวณดังกล่าวมีประเด็นปัญหาแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ 1.เป็นพื้นที่อ้างสิทธิ ที่ฝ่ายไทยและกัมพูชาไม่สามารถตกลงที่ตั้งหลักเขตแดนได้ เนื่องจากกัมพูชาอ้างว่าตำแหน่งหลักเขตที่ปรากฏในปัจจุบัน มีการเคลื่อนย้ายเข้าไปในฝั่งประเทศของตน จึงต้องรออาศัยกลไกทวิภาคี อาทิ เจบีซีมาแก้ไขปัญหาในระยะยาว

2.พื้นที่ดังกล่าว ในอดีตเมื่อครั้งเกิดสงครามการสู้รบภายในกัมพูชาในปี พ.ศ. 2520 รัฐบาลไทยในขณะนั้นได้ให้ราษฎรกัมพูชาอพยพลี้ภัยเข้ามาอยู่ในเขตประเทศไทยเป็นการชั่วคราว เพื่อแสดงถึงความมีน้ำใจและเห็นแก่หลักมนุษยชน แต่เมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ พบว่ามีราษฎรกัมพูชาบางส่วนไม่ยอมเดินทางกลับประเทศ ยังคงพักอาศัยในพื้นที่ของไทย และ 3.การติดตั้งแนวรั้วลวดหนามในบริเวณพื้นที่ต่างๆ ยังไม่ใช่การวางเพื่อระบุแนวเส้นเขตแดน เป็นเพียงการวางแนวเครื่องกีดขวางในการรักษาความปลอดภัยให้กำลังพล โดยเฉพาะป้องกันการลักลอบเข้ามาใช้อาวุธทุ่นระเบิดเพื่อทำร้ายฝ่ายไทย และเป็นลักษณะเสริมความมั่นคงต่อที่วางกำลังของหน่วยทหารเท่านั้น

“ฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงในพื้นที่อ้างสิทธิ โดยสนับสนุนให้ราษฎรมาสร้างถิ่นฐานอย่างถาวร ทั้งในบริเวณพื้นที่อ้างสิทธิและนอกบริเวณพื้นที่อ้างสิทธิในฝั่งไทย ซึ่งกองทัพบกโดยกองกำลังบูรพา ได้ดำเนินการประท้วงร้องเรียนฝ่ายกัมพูชาในเวทีต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งระดับหน่วยทหารในพื้นที่ และผ่านกระทรวงการต่างประเทศตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน แต่ฝ่ายกัมพูชากลับนิ่งเฉย ไม่มีการชี้แจงรายละเอียดหรือแก้ไขใดๆ จึงยืนยันได้ว่าฝ่ายไทยได้ใช้การแก้ปัญหาโดยสันติวิธีมาตลอด”

โฆษกกองทัพบกกล่าวต่อว่า ปัญหาปัจจุบันฝ่ายกัมพูชามีเจตนาอันไม่บริสุทธิ์ พยายามใช้ประชาชนให้เป็นผู้ออกหน้าในการรุกล้ำพื้นที่อธิปไตยประเทศไทยในบริเวณดังกล่าว ทั้งนี้อาจเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับฝ่ายทหารโดยตรง ทำให้เข้าใจได้ว่าการกระทำดังกล่าวเหมือนวางแผนมาอย่างเป็นระบบ และคอยเฝ้าดูว่า หากฝ่ายไทยดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดไป ก็จะนำเรื่องดังกล่าวไปบิดเบือนทำลายความน่าเชื่อถือประเทศไทย เพื่อขอความเห็นใจจากสังคมโลก จึงอยากให้ช่วยกันสื่อสารต่อประชาคมโลก ให้เข้าใจในข้อเท็จจริงว่า การช่วยเหลือทางมนุษยธรรมของไทย รวมถึงการแสดงออกถึงความมีน้ำใจที่ดีต่อเพื่อนบ้านในอดีต ไม่ควรถูกฝ่ายกัมพูชานำไปบิดเบือน เพื่อให้เป็นผลกลับมาใช้ทำลายความน่าเชื่อถือฝ่ายไทยอย่างไม่เป็นธรรม

พ.ท.หญิง ญดา โชติชูตระกูล ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีคลิปวิดีโอในสื่อสังคมออนไลน์ ที่มีลักษณะการใช้รถตักดินทำการรื้อถอนหลักคอนกรีตที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นหลักเขตแดนไทย-กัมพูชาว่า ได้ตรวจสอบข้อมูลกับหน่วยทหารในพื้นที่แล้ว พบว่าภาพหลักคอนกรีตที่ปรากฏในคลิปวิดีโอนั้นไม่ใช่หลักเขตแดนไทย-กัมพูชา ที่สร้างโดยคณะกรรมการปักปันเขตแดนระหว่างสยามกับฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 1919-1920 (พ.ศ. 2462-2463)

ชัยเสรีฯ ส่งทีมลงชายแดน

ที่หน้าลานอเนกประสงค์ กองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานในพิธีส่งกำลังพลกองร้อยทหารช่าง เฉพาะกิจไทย/เซาท์ซูดาน ผลัดที่ 6 จำนวน 273 นาย และในช่วงท้ายพิธี พล.อ.ทรงวิทย์ ได้รับมอบรถเกราะลำเลียงพล 4 คัน และรถเกราะพยาบาล 1 คัน เพื่อใช้ในภารกิจในเซาท์ซูดานจาก บริษัท ชัยเสรีเม็ททอลแอนด์รับเบอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอาวุธของไทย

ทั้งนี้ นางนพรัตน์ กุลหิรัญ หรือมาดามรถถัง เจ้าของบริษัท ชัยเสรีฯ กล่าวถึงเหตุการณ์สู้รบชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วพี่น้องคนไทยก็ต้องร่วมมือกัน สามัคคีกัน ช่วยอะไรได้ก็ต้องช่วย เพื่อการป้องกันประเทศ โดยได้ออกแบบข้อต่อสายพานซ่อมรถให้กับกองทัพ และออกแบบรถเฟิสต์วิน 4x4 และรถสะเทินน้ำสะเทินบก 8x8 ให้กองทัพซึ่งปฏิบัติงานอยู่ที่ชายแดน รวมทั้งทำรถเกราะกันกระสุนกันระเบิดไปช่วยชายแดน และในฐานะเป็นโรงงานซ่อมสร้างยานยนต์ทหาร ได้ส่งคณะช่าง อะไหล่ไปอยู่ประจำที่ชายแดนเพื่อรอซ่อมรถต่างๆ ให้กองทัพ เช่น รถฮัมวี และ M113 พร้อมกันนี้ยังได้รวบรวมจิตอาสาคิดค้นโดรนเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานที่ชายแดน

ขณะที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะได้ลงพื้นที่ ณ ศาลากลางบ้านสายโท 10 ใต้ ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ สอบถามปัญหาในพื้นที่ โดยนายคัมภีร์ หนองน้ำ กำนัน ต.สายตะกู กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้มีเรื่องเงินเยียวยา ยังไม่ชัดเจนว่าจะให้กลุ่มเปราะบางหรือใครบ้าง และอยากให้มีรั้วตามแนวเขต อยากให้มีอาวุธที่ยิงทำลายอาวุธก่อนที่จะตกพื้นที่

ส่วน น.ส.บุปผา มีหนองหว้า กำนัน ต.จันทบเพชร กล่าวว่า อยากให้มีเครื่องแอนตี้โดรน และอยากให้มีการสนับสนุนเครื่องกระสุน เสื้อ อุปกรณ์ และค่าตอบแทนให้ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ที่ร่วมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาจนถึงวันนี้ เช่นเดียวกับนายสมชาย ทนัดรัมย์ ผู้ใหญ่บ้านสายตะกู กล่าวว่า อยากได้เสื้อเกราะหมู่บ้านละ 2-3 ตัว เพื่อไปออกเวรดูเหตุการณ์ และอยากให้รัฐบาลมีนโยบายปิดชายแดนตลอดแนว

นายณัฐพงษ์กล่าวถึงการลงพื้นที่รับฟังความเห็นประชาชนว่า ยังพบปัญหาอุปสรรคในการประกอบอาชีพ โดยเฉพาะมาตรการชดเชยเยียวยาที่ควรถึงมือประชาชนโดยเร็วที่สุด ซึ่งรัฐบาลควรเยียวยาทั่วหน้าในบางพื้นที่ทุกครัวเรือน และอีกบางส่วนแบ่งเพิ่มเติมให้กลุ่มเกษตรกร โดยพรรคจะผลักดันทุกด้านในกลไกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งการตั้งกระทู้ถามและเวทีกรรมาธิการคณะต่างๆ

นายณัฐพงษ์ยังกล่าวถึงกรณีรัฐบาลพาทูตอาเซียน 8 ประเทศลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ตามเสียงสะท้อนประชาชนที่ต้องการให้สถานการณ์ยุติโดยเร็ว จึงต้องอาศัยกลไกแก้ไขปัญหา ทั้งเวทีทวิภาคี กลไกเวทีระหว่างประเทศ ในการกดดันกัมพูชาให้เดินหน้าเจรจากับไทย

“ต้องเพิ่มแรงกดดันให้มากที่สุด ที่จะให้ประเทศต่างๆ ที่เคยให้การสนับสนุนกัมพูชา ใช้วิธีการตัดการสนับสนุน หรือกดดันให้ใช้กลไกทวิภาคีในการแก้ไขปัญหาทุ่นระเบิด” นายณัฐพงษ์กล่าว

ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล, นายจตุพร พรหมพันธุ์, นายนิติธร ล้ำเหลือ, นายสมชาย แสวงการ และสมาชิกอื่นๆ ร่วมกันแถลงข่าวนัดชุมนุมประชาชนในวันที่ 21 ส.ค.นี้ เวลา 10.00 น. ที่หน้ารัฐสภา เพื่อเรียกร้องให้ยกเลิก MOU 43 และ 44 ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ทางบกและทางทะเล เนื่องจากมีการพิจารณาเรื่องนี้ในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าอาจส่งผลกระทบต่ออธิปไตยของชาติ โดยจะเชิญตัวแทนพรรคการเมืองทุกพรรคมารับหนังสือจาก กลุ่มมวลชนรวมพลังแผ่นดินฯ ด้วย.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยโพสต์

อีกแนวรบที่เขมรแพ้

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ลืมไปหมดแล้ว?

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘โรงอาหารใหม่’

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

พระสังฆราชทรงหกล้ม เสด็จประทับรพ.ศิริราช

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

อิหร่านเตือนสงครามกับอิสราเอลอาจกลับมาอีกครั้งได้ทุกเมื่อ

JS100

รถจักรยานยนต์ชนกับรถตู้ มีผู้บาดเจ็บสาหัส จนท.เร่งทำ CPR แต่ไม่เป็นผล จ.กาญจนบุรี

สวพ.FM91

คุณยายวัย 74 ช็อกสุดขีดเปิดตู้เสื้อผ้า เจองูพิษร้ายแรงอันดับ 1 ของไทย

เดลินิวส์

สภาพอากาศวันที่ 21-24 ส.ค.ไทยรับมือฝนเพิ่ม ฝนตกหนักบางแห่ง

ฐานเศรษฐกิจ

ปักกิ่งย้ำว่าไต้หวันเป็น‘กิจการภายใน’ของตน ตอบโต้‘ทรัมป์’ที่อ้างว่า‘สี’รับปากไม่บุกไทเป

Manager Online

ฮามาสยอมรับข้อเสนอหยุดยิงล่าสุดในกาซา ปล่อยตัวประกัน 2 ขั้นตอน

JS100

สภาพัฒน์แจงเศรษฐกิจไทยปี 68 ครึ่งปีแรกโต3% แนะ 6 กลยุทธ์รับมือครึ่งปีหลัง

ไทยพับลิก้า

สวยตระการตาในรอบ ชุดประจำชาติ ‘มิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ 2025’ งามยิ่งในแดนสยาม

Khaosod

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...