วงจรหนี้เสีย เบี้ยวหนี้ซ้ำซาก เพราะกู้ไม่คิด มีหนี้หลายบัญชี เป็นหนี้หลายแหล่ง
ปัญหาหนี้ครัวเรือนของไทยยังคงเป็นเงาที่กดทับเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่อง มาพร้อมกับสถานการณ์ค่าครองชีพที่ยังพุ่งขึ้นไม่หยุด ทำให้คนจำนวนมากต้องพึ่งพาสินเชื่อเพื่อประคองการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ยิ่งในยุคดิจิทัลที่ทำให้เข้าถึงการกู้ยืมได้ง่ายขึ้นไปอีก
โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่สมัครสินเชื่อออนไลน์ได้เพียงไม่กี่นาที ก็ยิ่งทำให้หลายคนก่อหนี้โดยไม่ทันตั้งตัว และเมื่อขาดความรู้ทางการเงินก็ยิ่งจัดการหนี้ได้ยากจนกลายเป็นปัญหาตามมา
ข้อมูลล่าสุด จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พบว่า ในไตรมาส 2/2568 ภาพที่น่ากังวลคือยอดหนี้เสียรายย่อยที่ค้างเกิน 90 วัน (Stage 3) สูงเกือบ 1.8 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 3.35% ของสินเชื่อรายย่อยทั้งหมด
ขณะที่หนี้ที่เริ่มค้างชำระ 1–3 เดือน (Stage 2) ก็สูงกว่า 4 แสนล้านบาท หรือกว่า 7.6% ของสินเชื่อรายย่อย ซึ่งชี้ว่าลูกหนี้จำนวนมากกำลังเริ่ม ‘เปราะบาง’ และอาจกลายเป็นหนี้เสียได้ไม่ยากหลังจากนี้
[ เจาะพฤติกรรมเสี่ยงก่อหนี้ ]
ttb analytics ชวนเจาะพฤติกรรมก่อหนี้เพื่อให้เข้าใจปัญหาลึกขึ้น โดยใช้ข้อมูลเครดิตบูโรของลูกหนี้กว่า 1.6 ล้านราย มาวิเคราะห์พฤติกรรมที่มองจากลำดับการกู้ จำนวนบัญชี และประเภทผลิตภัณฑ์ พบว่าความเสี่ยงแตกต่างกันอย่างชัดเจน
กลุ่มเสี่ยงต่ำ เช่น ลูกหนี้ที่กู้บ้าน กู้รถ หรือใช้บัตรเครดิต พบอัตราผิดนัดไม่สูง (0.3–5.4%) แม้จะมีบัตรเครดิตหลายใบก็ยังอยู่ในระดับที่จัดการได้ แต่สิ่งที่ต้องระวังคือพฤติกรรม ‘จ่ายขั้นต่ำ’ ซึ่งหากทำต่อเนื่องอาจเป็นภาระก้อนใหญ่ในอนาคต
กลุ่มเสี่ยงปานกลาง ลูกหนี้ที่ถือสินเชื่อผสมทั้งเสี่ยงต่ำและเสี่ยงสูง เช่น มีบัตรเครดิตควบกับสินเชื่อส่วนบุคคล พบว่ากว่า 15% ผิดนัดภายใน 1 ปี และหากเคยผิดนัดมาก่อน โอกาสจะผิดนัดในสินเชื่ออื่นก็ยิ่งสูงขึ้น
กลุ่มเสี่ยงสูง ลูกหนี้ที่กู้แต่สินเชื่อเสี่ยงสูง เช่น มอเตอร์ไซค์ เช่าซื้อเล็ก ๆ หรือสินเชื่อส่วนบุคคลหลายบัญชี กลุ่มนี้ผิดนัดเฉลี่ยสูงถึง 20–30% โดยเฉพาะผู้ที่มีสินเชื่อส่วนบุคคล 4 บัญชีขึ้นไป โอกาสผิดนัดเกิน 30% ของทั้งหมด
[ ปัจจัยที่ผลักคนสู่หนี้เสีย ]
ttb analytics ชี้ปัจจัยสำคัญ 3 อย่างที่ทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นและเป็นปัจจัยที่ผลักคนสู่หนี้เสียมากขึ้น
1.เริ่มหนี้ผิดทาง คนที่เพิ่งเริ่มทำงานแล้วเลือกกู้สินเชื่อส่วนบุคคลเป็นอันดับแรก มักมีปัญหาผิดนัดสูงกว่าใคร และยังลามไปถึงหนี้บ้านหรือบัตรเครดิตด้วย
2.กู้หลายบัญชี การถือสินเชื่อส่วนบุคคล 2–3 บัญชีขึ้นไปเพิ่มโอกาสผิดนัดต่อเนื่องทันที โดยเฉพาะคนที่กู้บัญชีแรกเป็นสินเชื่อส่วนบุคคล ก็มักจะกู้บัญชีถัดไปเป็นแบบเดียวกัน ทำให้วงจรหนี้ยิ่งขยาย
3.กู้หลายแหล่ง ลูกหนี้ที่กู้ทั้งจากธนาคารและนอนแบงก์ พบประวัติผิดนัดสูงกว่าปกติ เช่น ถ้าเริ่มจากนอนแบงก์แล้วไปกู้ธนาคาร โอกาสผิดนัดเกิน 20% แต่ถ้าเริ่มจากธนาคารแล้วไปกู้นอนแบงก์ต่อ ความเสี่ยงยิ่งสูงถึงเกือบ 24%
ทั้งหมดนี้สะท้อนชัดว่า “กู้ไม่คิด กู้หลายบัญชี และกู้หลายแหล่ง” คือ 3 ปัจจัยหลักที่ทำให้คนไทยติดอยู่ในวงจรหนี้เสีย โดยเฉพาะกลุ่มที่เริ่มต้นจากสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งเหมือนเป็นทางด่วนพาคนเข้าสู่ปัญหาการเงินที่หนักขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้น สำหรับคนทั่วไปสิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้าง วินัยทางการเงิน ใช้สินเชื่ออย่างรอบคอบและไม่ก่อหนี้เกินกำลังตัวเอง ในขณะเดียวกัน สถาบันการเงินก็ควรพัฒนาเครื่องมือวิเคราะห์เครดิตและประเมินความเสี่ยงที่ละเอียดและแม่นยำขึ้น เพื่อคัดกรองลูกหนี้ตั้งแต่ต้น ลดโอกาสเกิดหนี้เสียไปมากกว่านี้