รมช.กลาโหมชี้เป็นสัญญาณบวก หลังกัมพูชาร่วมมือกู้ระเบิด-ปราบสแกมเมอร์ พร้อมตั้ง TBC คุยระดับท้องถิ่น
วันนี้ (22 สิงหาคม) ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-กัมพูชา (RBC) ฝั่งกองทัพภาคที่ 1 ซึ่งทางกัมพูชาตอบรับ 2 ข้อเสนอสำคัญของไทยในเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิดและปราบปรามสแกมเมอร์ ว่า เป็นการส่งสัญญาณที่ดี ตามที่ตนเคยบอกไว้กับสื่อมวลชนและประชาชนว่า ฝ่ายกัมพูชาในระดับนโยบายมีความจริงใจที่จะพูดคุยแบบทวิภาคี
พล.อ. ณัฐพลกล่าวว่า การพัฒนาการพูดคุยจากจังหวัดตราดมาถึงจังหวัดสระแก้ว คงตีความได้ว่าเป็นการสั่งการจากส่วนกลาง แสดงว่ามีแนวโน้มเป็นไปในทิศทางที่ดี แม้จะยังไม่เกิดผลเป็นรูปธรรม แต่การที่กัมพูชาเข้ามาสู่กระบวนการพูดคุยในกรอบ GBC และ RBC ถือว่าทำได้รวดเร็ว และเราไม่ได้คาดหวังความสำเร็จในเวลาอันสั้น เพราะการพูดคุยการหยุดยิงในหลายประเทศใช้ระยะเวลานานเป็นปี ซึ่งช่วงที่ผ่านมารัฐบาลและ ศบ.ทก. มีความเป็นห่วงว่าทางกัมพูชาจะไม่เข้าร่วม
“ในการประชุม RBC วันนี้ ที่ประชุมยังมีการเสนอให้ตั้ง คณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น ไทย-กัมพูชา (TBC) ขึ้นมาอีก ซึ่งเป็นการพูดคุยระดับพื้นที่ ผมมองว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องดูไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ว่าจะปักใจเชื่อเสียทีเดียว ต้องประเมินผลเป็นระยะ แต่อย่างไรก็ถือว่ามีความคืบหน้าที่ดี” พล.อ.ณัฐพล กล่าว
ส่วนการพูดคุยกับกองทัพภาคที่ 2 ต้องรอดูกันต่อไป เพราะสัญญาณจะมาจากส่วนกลาง หากผลการพูดคุยดีขึ้น ก็จะยิ่งแสดงให้เห็นว่านโยบายจากรัฐบาลกลางกัมพูชาถูกขับเคลื่อนมาในทิศทางนี้จริง เช่นเดียวกับกรณีที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาออกมากล่าวถึงความร่วมมือกับไทยในการเก็บกู้วัตถุระเบิด
“เราพยายามทำบรรยากาศให้ดีขึ้น ในภาวะที่มีความหวาดระแวงและการยั่วยุ เราต้องทำความเข้าใจกัน ซึ่งผลการประชุมของกองทัพภาคที่ 1 ในวันนี้ถือว่าดีมาก เพราะมีการตั้งชุดประสานงานเพื่อติดต่อกันโดยตรง หากมีความไม่เข้าใจหรือมีการปฏิบัติที่ส่อไปในทางยั่วยุ ก็จะสามารถพูดคุยกันได้ทันที และผมอยากให้เกิดบรรยากาศแบบนี้ในการประชุมกับกองทัพภาคที่ 2 ด้วย” พล.อ.ณัฐพล กล่าว
ส่วนประเด็นเรื่องการจัดระเบียบชายแดนที่ยังไม่ได้รับการตอบรับคงต้องหารือในขั้นต่อไป เพราะการประชุมไม่จำเป็นต้องจบในครั้งเดียว
คุมตัว 18 เชลยศึกกัมพูชาจนกว่าจะหยุดยิงสมบูรณ์
พล.อ. ณัฐพลกล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายกัมพูชาเรียกร้องให้ไทยส่งตัวเชลยศึก 18 คน กลับประเทศ ว่า ขณะนี้ไทยปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา ซึ่งอนุญาตให้ควบคุมตัวได้จนกว่าจะเกิดการหยุดยิงโดยสมบูรณ์และสิ้นสุดสภาพความเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน ดังนั้น โดยกฎหมายแล้วไทยสามารถควบคุมตัวได้ ซึ่งเราให้การดูแลเป็นอย่างดี ซึ่งคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) ที่ได้เข้าตรวจเยี่ยมก็แสดงความพอใจต่อการดูแลเชลยศึกของประเทศไทย
พล.อ. ณัฐพลย้ำด้วยว่า ในความเห็นส่วนตัวมองว่าสถานการณ์ยังไม่จบ ใช้คำว่าสถานการณ์คลี่คลาย ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดี ปัจจุบันทั้งศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) และคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) กำลังกำหนดฉากทัศน์ว่าหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร เพื่อให้ทุกหน่วยงานดำเนินการอยู่ในกรอบที่กำหนด พร้อมยืนยันว่าฉากทัศน์ดังกล่าวจะต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อน จึงอยากให้ทุกฝ่ายสบายใจ เพราะไม่ได้ทำโดยลำพัง
สำหรับกรณีที่ฝ่ายค้านเสนอให้ยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (MOU) ฉบับปี 2543 และ 2544 พล.อ. ณัฐพลกล่าวว่า เป็นเรื่องของฝ่ายบริหารที่จะต้องพิจารณา เนื่องจากมีรายละเอียดจำนวนมาก มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งขึ้นอยู่กับการพูดคุยของรัฐบาล และต้องขึ้นอยู่กับรัฐสภาด้วย เพราะเราทำงานเป็นระบบ ไม่ได้เห็นต่างจากฝ่ายค้านไปเสียทั้งหมด หากสภาฯ เห็นชอบ ก็พร้อมทำตามกรอบของสภาฯ