"รวมพลังแผ่นดิน" เตรียมยกระดับการชุมนุม ยันไม่เคยเรียกร้อง "รัฐประหาร"
"รวมพลังแผ่นดิน" แถลงขอบคุณพี่น้องประชาชนร่วมชุมนุมเรียกร้องเพื่ออธิปไตยของชาติ เตรียมยกระดับการชุมนุม จ่อกระชับพื้นที่ใกล้ทำเนียบฯ ยันไม่เคยเรียกร้อง "รัฐประหาร"
วันที่ 29 มิ.ย.68 ที่ สะพานชมัยมรุเชฐ ซึ่งเป็นพื้นที่หลักในการชุมนุมของกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) แกนนำกลุ่มได้ออกแถลงจุดยืน แนวทางการเคลื่อนไหว และกิจกรรมการชุมนุมในระยะต่อไป
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. เปิดเผยว่า ภายหลังการชุมนุมใหญ่เมื่อวานนี้ (28 มิ.ย.) ร่วมกับกลุ่มคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม โดยมีประชาชนจากทั่วประเทศกว่า 100,000 คนเข้าร่วม ไม่จำกัดเฉพาะผู้สูงอายุ แต่รวมถึงคนรุ่นใหม่และวัยทำงานจำนวนมากจนการชุมนุมขยายพื้นที่ถึงบริเวณโดยรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นอกจากนี้ ยังมีอดีตข้าราชการระดับสูง ทั้งฝ่ายพลเรือน ทหาร และตำรวจเข้าร่วมอย่างคึกคัก แม้จะมีฝนตกหนักในช่วงกิจกรรม แต่ผู้ชุมนุมยังคงยืนหยัดด้วยจุดยืนเดียวกันคือ “ธงชาติไทย”
นายพิชิต ระบุว่า การชุมนุมครั้งนี้ถือเป็นการตอบโต้คำปรามาสจากภาครัฐและนักวิชาการบางรายที่เคยประเมินว่าจะไม่มีการเคลื่อนไหวขนาดใหญ่ในปีนี้ พร้อมย้ำว่า “นี่คือไม้ขีดเล่มแรกที่จุดไฟแห่งการต่อสู้ขึ้นแล้ว”
ต่อข้อกล่าวหาว่าการชุมนุมครั้งนี้มีนัยเชิญชวนให้เกิดรัฐประหาร นายพิชิตยืนยันว่าไม่เป็นความจริง พร้อมชี้แจงว่ากลุ่มยังคงยึดมั่นใน 3 ข้อเรียกร้องหลัก ได้แก่ 1. เรียกร้องให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
2. เรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว
3. แสดงจุดยืนเคียงข้างกองทัพในการปกป้องอธิปไตยของชาติ
“การสนับสนุนกองทัพไม่ใช่การเรียกร้องให้เกิดรัฐประหาร และการที่ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านกล่าวหาว่าเรายุยงปลุกปั่นให้เกิดรัฐประหารนั้น สะท้อนว่าทั้งสองฝ่ายกำลัง ‘กลัวธงชาติ’ หรือไม่” นายพิชิต ตั้งคำถาม
นายพิชิต ยังกล่าวถึง พรรคประชาชนซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลักว่า เคยทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล แต่กลับกลายเป็นฝ่ายตรวจสอบประชาชนผู้ชุมนุม พร้อมทั้งตำหนิรัฐบาลที่ให้โฆษกรัฐบาลออกมากล่าวหาผู้ชุมนุมอย่างไม่เป็นธรรม
เมื่อถามว่า มีความกังวลหรือไม่ว่าจำนวนผู้ชุมนุมจะลดลงจากกระแสข้อกล่าวหาเรื่องการหนุนรัฐประหาร นายพิชิต ระบุว่า ไม่กังวล เพราะเราชัดเจนในเป้าหมาย และ 3 ข้อเรียกร้องไม่มีข้อใดเกี่ยวข้องกับรัฐประหารหรือการเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมือง
กรณีที่รัฐบาลอาจใช้ข้อกล่าวหาดังกล่าวในการดำเนินคดี นายพิชิต กล่าวว่า “ไม่มีใครกลัว” โดยย้ำว่าแกนนำหลายคนเคยถูกดำเนินคดีในข้อหาร้ายแรง รวมถึงข้อหากบฏ และก็ผ่านพ้นมาแล้ว พร้อมยืนยันว่า 3 ข้อเรียกร้องของกลุ่มเป็นไปตามรัฐธรรมนูญและไม่ขัดต่อกฎหมาย
นายพิชิตยัง ระบุว่า หากนายกรัฐมนตรียังนิ่งเฉยต่อเสียงของประชาชน กลุ่มจะยกระดับการเคลื่อนไหวให้เข้มข้นขึ้น โดยประเมินสถานการณ์แบบวันต่อวัน โดยเฉพาะหลังวันที่ 1 กรกฎาคม ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญมีกำหนดพิจารณารับคำร้องถอดถอนนายกรัฐมนตรีจากสมาชิกวุฒิสภาหรือไม่ ซึ่งอาจมีผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ หากปรากฏว่านางสาวแพทองธารยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ กลุ่มจะถือว่าเป็นการใช้แทคติกเพื่อรวบอำนาจ และจะยกระดับการชุมนุมเป็นการขับไล่รัฐบาลทั้งคณะ แต่จะไม่ถึงขั้นปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล เพียงแต่จะจัดชุมนุมใกล้บริเวณรั้วทำเนียบมากขึ้น
ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล แม้นายกรัฐมนตรีได้ทูลเกล้ารายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่แล้ว กลุ่มผู้ชุมนุมยังเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์และพรรคชาติไทยพัฒนาพิจารณาถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล โดยในสัปดาห์หน้า กลุ่มจะเดินทางไปยื่นข้อเรียกร้องถึงที่ทำการพรรคโดยตรง
สำหรับกรณีที่ก่อนหน้านี้กลุ่มได้ยื่นหนังสือถึงพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่ยังไม่มีการตอบกลับใด ๆ นายพิชิต กล่าวว่า กลับพบแต่ความขัดแย้งภายในพรรคเอง พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า การกระทำของพรรคขัดแย้งกับชื่อพรรคที่อ้างว่ารวมไทยสร้างชาติ
เมื่อถามถึงกรณี หากนางสาวแพทองธารลาออก และนายกรัฐมนตรีคนใหม่ยังมาจากพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะนายชัยเกษม นิติสิริ จากพรรคเพื่อไทย นายพิชิต ระบุว่า หากผู้นำคนใหม่เปิดรับฟังเสียงประชาชน และดำเนินนโยบายที่ปกป้องอธิปไตยและศีลธรรม เช่น การไม่ผลักดันกฎหมายคาสิโนหรือโครงการ Entertainment Complex กลุ่มผู้ชุมนุมก็จะไม่ขัดขวาง แต่หากยังเพิกเฉย กลุ่มก็จะเดินหน้าชุมนุมตาม 3 ข้อเรียกร้องต่อไปเช่นเดิม