อาร์เน่อ เป็นรอง อโมริม ! เช็คกุนซือทีม "ท็อปซิกซ์" ใครประสบความสำเร็จมากสุดตอนเป็นนักเตะอาชีพ
เป็นเรื่องปกติที่นักฟุตบอลอาชีพจะพลันตัวเองไปเป็นกุนซือหลังจากแขวนสตั๊ด โดยแต่ละคนนำประสบการณ์ที่แสนโชกโชนตอนสมัยโลดแล่นอยู่บนสังเวียนลูกหนังมาใช้ในการปรับวางแท็กติกเพื่อให้ทีมประสบความสำเร็จให้ได้มากที่สุด
แน่นอนว่าเส้นทางสู่การเป็นกุนซือในลีกสูงสุดเมืองผู้ดีไม่ใช่เรื่องง่าย บางคนผ่านการเป็นนักเตะระดับโลกมาก่อน ขณะที่บางคนเริ่มต้นจากบทบาทเบื้องหลังและค่อยๆ ไต่เต้าขึ้นมาในวงการลูกหนัง
สำหรับผู้จัดการทีมในระดับ "บิ๊กซิกซ์" พรีเมียร์ลีก หลายคนเคยมีเส้นทางการค้าแข้งที่ยอดเยี่ยมและหลากหลาย แต่คำถามคือ ใครกันแน่ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในฐานะนักฟุตบอล ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจเลยทีเดียว
1. แมนเชสเตอร์ ซิตี้ - เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
ตราบใดที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เฮดโค้ชชาวสแปนิช ยังคงทำงานอยู่ในพรีเมียร์ลีก แน่นอนว่าเขายังคงรั้งอันดับ 1 ในฐานะกุนซือที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดตอนที่ยังเป็นนักฟุตบอลอาชีพ
ก่อนหน้าที่เขาจะเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่เก่งที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนัง เป๊ป เคยเป็นลูกศิษย์ก้นกุฎิของ โยฮัน ครัฟฟ์ ปรมาจารย์ลูกหนังชาวดัตช์ บาร์เซโลน่า ชุด "ดรีมทีม" ที่ผงาดคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ หรือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สมัยแรก เมื่อปี 1992
ตั้งแต่ปี 1991 จนถึงปี 1994 บาร์ซ่า ผงาดคว้าแชมป์ลา ลีกา 4 สมัยติดต่อกัน และ กวาร์ดิโอล่า สวมปลอกแขนกัปตันทีม "เจ้าบุญทุ่ม" ในปี 1997 หลังจากนั้น มิดฟิลด์ตัวรับจากแดนกระทิงดุ ก็อำลาถิ่น คัมป์ นู ในปี 2001 พร้อมสถิติลงเล่น 384 เกม และคว้าแชมป์ลีก 6 สมัย
2. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - รูเบน อโมริม
ก่อนหน้าที่ รูเบน อโมริม จะก้าวเข้ามารับตำแหน่งนายใหญ่แมนยูไนเต็ด เขาก็เคยเป็นนักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จและกวาดแชมป์เยอะแยะมากตอนที่ยังเป็นนักเตะเบนฟิก้า
กองกลางที่เกิดในเมืองลิสบอน เริ่มต้นอาชีพกับ เบเลเนนเซส แต่หลังจากนั้นไม่กี่ปีก็ย้ายไปค้าแข้งกับทัพ "เหยี่ยวลิสบอน" และช่วยให้สโมสรผงาดคว้าแชมป์ได้อย่างมากมายในเวลานั้น
ช่วงที่โลดแล่นอยู่กับ เบนฟิก้า เขาประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดประเทศโปรตุเกส 3 สมัย และเคยโดนส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ บราก้า ซึ่งสุดท้ายก็จบซีซั่นด้วยการคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วย
สำหรับอาชีพนักเตะของ อโมริม สิ้นสุดในเดือนมิถุยายนปี 2017 หลังจากต้องพักรักษาตัวนานถึงหนึ่งปี เนื่องจากอาการบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าหัวเข่าขวาฉีกขาด ซึ่งทำให้เขาตัดสินใจแขวนสตั๊ด
3. เชลซี - เอ็นโซ่ มาเรสก้า
หลังจากเริ่มต้นอาชีพกับ เวต์บรอมวิช อัลเบี้ยน กองกลางชาวอิตาเลียน ย้ายไปเล่นให้ "ม้าลาย" ยูเวนตุส ในปี 2000 พร้อมคว้าชมป์กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลีในฤดูกล 2001/2002
กระนั้นตอนที่ มาเรสก้า ย้ายไปอยู่ที่สเปน ถือว่าเป็นช่วงหลายปีที่ดีเยี่ยมสำหรับเขา เมื่อสามารถผงาดคว้าแชมป์ ยูฟ่า คัพ 2 สมัยช่วงที่เล่นให้กับ เซบีย่า และคว้าแชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ, โกปา เดล เรย์ และ สแปนิช ซูเปอร์ คัพ
หลังจากเล่นกับ เซบีย่า เจ้าตัวก็มุ่งหน้าไปโชว์เพลงแข้งกับ โอลิมเปียกอส และตามด้วย มาลาก้า, ซามพ์โดเรีย และ ปาแลร์ดม่ ก่อนที่จะจบอาชีพพ่อค้าแข้งในปี 2017 กับ เฮลลาส เวโรน่า
4. อาร์เซน่อล - มิเกล อาร์เตต้า
สำหรับกุนซืออาร์เซน่อล คนปัจจุบันนั้น สร้างชื่อให้กับตนเองในฐานะนักเตะกับ เอฟเวอร์ตัน หลังจากที่เติบโตมาจากศูนย์ฝึกเยาวชนลา มาเซีย อะคาเดมี่ชื่อก้องบันลือโลกของ บาร์เซโลน่า
กระนั้นก่อนที่เขาจะมาอยู่กับ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" ดาวเตะห้องเครื่องชาวสแปนิช เคยเล่นให้กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง, เรนเจอร์ส และจากนั้นก็ เรอัล โซเซียดาด ซึ่งเขาก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก
ในปี 2005 อาร์เตต้า ย้ายไปเล่นในพรีเมียร์ลีกกับ เอฟเวอร์ตัน และเจ้าตัวก็สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ก่อนจะย้ายไปค้าแข้งกับ อาร์เซน่อล ตั้งแต่ปี 2011-2016 และแขวนสตั๊ดในนามแข้ง "ปืนใหญ่"
อย่างไรก็ตาม อาร์เตต้า ประสบความสำเร็จน้อยมากในสมัยที่เป็นนักเตะ โดยได้แชมป์ระดับเมเจอร์ได้แก่แชมป์สกอตติช พรีเมียร์ลีก กับ เรนเจอร์ และเอฟเอ คัพ 2 สมัยกับ อาร์เซน่อล เท่านั้น
5. ลิเวอร์พูล - อาร์เน่อ สล็อต
ผู้จัดการทีมชาวดัตช์ที่เพิ่งนำ ลิเวอร์พูล ผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2024/2025 แต่สมัยที่เป็นนักเตะเขาไม่ได้สัมผัสแชมป์ระดับเมเจอร์เลย และแทบไม่เป็นที่รู้จักด้วยซ้ำ
อาร์เน่อล เริ่มต้นอาชีพพ่อค้าแข้งกับ เอฟซี ซโวลล์ สโมสรในประเทศเนเธอร์แลนด์ บ้านเกิด โดยสวมบทบาทกองกลางตัวรุก และลงสนามไปถึง 195 เกม ก่อนจะย้ายไปเล่นให้ เอ็นเอซี เบรด้า ในปี 2002
เจ้าตัวอยู่เล่นให้กับ เบรด้า นานหลายปี โดยมีสถิติค้าแข้งให้สโมสร 154 เกม และได้สัมผัสประสบการณ์ในฟุตบอลถ้ยยุโรปเมื่อทีมสามารถผ่านเข้าสู่รอบแรกของศึกยูฟ่า คัพ ในปี 2003
อาร์เน่อ ได้รับการยกย่องเรื่องการผ่านบอลและวิสัยทัศน์ในเชิงลูกหนังมากกว่าเรื่องความรวดเร็ว โดยเจ้าตัวแขวนเกือกในปี 2013 หลังเล่นให้ พีอีซี ซโวลล์
6. ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ - โธมัส แฟร้งค์
สำหรับกุนซือใหม่ป้ายแดงของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ นั้น ถือเป็นหนึ่งในบุคคลที่หาได้ยากในพรีเมียร์ลีก เพราะเขาไม่เคยโลดแล่นในฐานะนักฟุตบอลอาชีพมาก่อนเลย
แน่นอนว่าด้วยการที่ไม่มีประวัติในระดับพ่อค้าแข้งอาชีพ จึงไม่ต้องพูดถึงเรื่องความสำเร็จ เพราะมันไม่มีอยู่แล้ว ฉะนั้น แฟร้งค์ จึงเป็นโค้ชในลีกสูงสุดเมืองผู้ดีที่ไร้เกียรติยศในฐานะพ่อค้าแข้งเลย
กระนั้น เฮดโค้ชชาวเดนมาร์ก เริ่มต้นเส้นทางการคุมทีมและสร้างชื่อเสียงในฐานะผู้จัดการทีมจากการทำงานกับทีมเยาวชนทีมชาติเดนมาร์ก โดยรับหน้าที่คุมทีมชุดอายุต่ำกว่า 16 ปี, 17 ปี และ 19 ปี" จนกระทั่งรับงานคุมบรอนด์บี้ และโด่งดังเป็นพลุแตกกับ เบรนท์ฟอร์ด อย่างที่คอลูกหนังทราบกันเป็นอย่างดี
TOMMY TEE.