โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

‘เกาะความร้อนในเมือง’ ภัยเงียบ ‘กรุงเทพฯ’ คร่าชีวิตคนนับพัน

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 9 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เกาะความร้อนในเมือง” (Urban Heat Island - UHI) เป็นปรากฏการณ์ที่พื้นที่ในเมืองร้อนกว่าชนบทอย่างมาก เนื่องจากมีอาคารสูง พื้นคอนกรีต ถนนยางมะตอย และกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ เช่น การขับรถ ทำให้พื้นที่ในเมืองดูดซับความร้อนได้มากกว่า แม้จะได้รับความร้อนจากแสงอาทิตย์เท่ากัน

เกาะความร้อนในเมือง สามารถดันให้อุณหภูมิในเมืองสูงขึ้น 10-15 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้ที่อาศัยอยู่ในเมือง ปัจจุบันเขตเมืองเป็นที่อยู่อาศัยของประชากรครึ่งหนึ่งของโลก คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเกือบ 70% ภายในปี 2050

พื้นที่ชนบทมักปกคลุมไปด้วยหญ้า พืชผล หรือป่าไม้ ซึ่งช่วยระบายความร้อน ได้ดีกว่าในเขตเมืองที่มีตึกคอนกรีตและถนนยางมะตอยจะดูดซับความร้อน

พืชทำหน้าที่เป็นเครื่องปรับอากาศตามธรรมชาติ โดยดึงน้ำจากพื้นดินผ่านราก แล้วปล่อยน้ำออกมาในรูปของไอน้ำสู่อากาศ ต่างจากพื้นผิวแข็งและมืดทึบ เช่น ทางเท้า ลานจอดรถ และถนน ที่น้ำไม่สามารถซึมผ่านได้ จึงไม่สามารถให้ความเย็นเช่นนี้ได้

อาคารสูงและถนนแคบ ๆในเมือง ทำหน้าที่เป็นกระจกสะท้อนรังสีความร้อนจากดวงอาทิตย์กลับไปกลับมาภายในเมืองจนเกิดเป็น “ปรากฏการณ์หุบเขตเมือง” (Urban Canyon Effect) ปิดกั้นการไหลของลมตามธรรมชาติ ส่งผลให้อากาศที่อยู่ระหว่างอาคารร้อนขึ้นได้ ขณะที่มลพิษจากรถยนต์หรือการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลอาจทำหน้าที่เป็นชั้นเรือนกระจกขนาดเล็กเหนือเมือง กักเก็บอากาศร้อนไว้

เกาะความร้อนมักก่อตัวขึ้นตลอดทั้งวัน เนื่องจากถนนและหลังคาบ้านปล่อยความร้อนจากดวงอาทิตย์ออกมามากขึ้น ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนถึงช่วงบ่ายแก่ ๆ พื้นผิวเหล่านี้จะได้รับรังสีดวงอาทิตย์ที่เข้มข้นและดูดซับความร้อนผ่านชั้นต่าง ๆ ความร้อนที่สะสมไว้จะถูกปล่อยออกมาอย่างช้า ๆ หลังจากพระอาทิตย์ตกดิน โดยความร้อนสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 3-5 ชั่วโมงหลังพระอาทิตย์ตก

เมืองใหญ่มักกักเก็บความร้อนไว้มากกว่าเมืองเล็ก ศูนย์กลางของมหานครอย่างกรุงลอนดอนและกรุงปารีส มักมีอุณหภูมิสูงกว่าพื้นที่ชนบทประมาณ 4 องศาเซลเซียสในเวลากลางคืน โดยปรากฏการณ์เกาะความร้อนนี้ทำให้อุณหภูมิโลกโดยรวมสูงขึ้น

ปี 2024 เป็นปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ มีอุณหภูมิสูงกว่าระดับก่อนยุคอุตสาหกรรมประมาณ 1.55 องศาเซลเซียส เป็นผลมาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล หากสถานการณ์ยังคงเป็นแบบนี้เรื่อย ๆ คาดการณ์ว่าอุณหภูมิจะยังคงสูงขึ้นถึง 2.7 องศาเซลเซียสภายในสิ้นศตวรรษนี้

ขณะเดียวกัน เกาะความร้อนเหล่านี้อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากความต้องการเครื่องปรับอากาศที่เพิ่มขึ้นจากการเผาไหม้ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติในช่วงที่เกิดคลื่นความร้อน

เพิ่มพื้นที่สีเขียวแก้เกาะความร้อนในเมือง

วิธีแก้ปัญหาเกาะความร้อนในเมืองที่ดีที่สุด คือ การเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับเมือง โดยการเพิ่มต้นไม้ พุ่มไม้ และพืชพรรณสีเขียวอื่น ๆ ที่ทนแล้งในใจกลางเมือง รวมถึงน้ำพุและบ่อน้ำ สร้างหลังคาสีเขียวที่เป็นการปลูกต้นไม้บนหลังคา หรือใช้เทคโนโลยีหลังคาเย็น (Cool Roof) ที่ดูดซับความร้อนจากดวงอาทิตย์มายังตัวอาคารได้น้อยลง อีกทั้งยังช่วยสะท้อนแสงแดดได้มากกว่าพื้นผิวทั่วไป จึงทำให้ความร้อนไม่เพิ่มขึ้นมากนัก ขณะที่การทาหลังคาสีขาวสามารถสะท้อนแสงแดดได้ประมาณ 60-90% และช่วยให้บ้านเย็นขึ้น

เมืองต่าง ๆ เช่น นิวยอร์ก เริ่มทาสีหลังคาเป็นสีขาวในปี 2009 เพื่อช่วยลดปรากฏการณ์เกาะความร้อน หลังคาที่เย็นลงยังสามารถลดอุณหภูมิภายในอาคารได้ถึง 30% และลดมลพิษทางอากาศและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยการลดความต้องการใช้ไฟฟ้าในการทำความเย็นอาคาร

บางประเทศมีการฉีดพ่นน้ำบนทางเท้าเพื่อระบายความร้อน ในญี่ปุ่น มีประเพณีเก่าแก่หลายศตวรรษในญี่ปุ่นที่เรียกว่า “อุจิมิซึ” ซึ่งเป็นการสาดน้ำลงพื้นเพื่อคลายความร้อนในช่วงฤดูร้อน โดยมีจุดประสงค์หลักคือการลดอุณหภูมิของพื้นผิว สร้างความเย็นสบาย พร้อมปัดเป่าฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกออกจากหน้าบ้าน

ขณะที่ มหานครอย่างลอสแอนเจลิสและกรุงโตเกียวได้ปู “ทางเท้าเย็น” ที่ใช้วัสดุที่ซึมผ่านได้เพื่อสะท้อนรังสีดวงอาทิตย์ได้มากขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพการระเหยของน้ำ จากการศึกษาในย่านที่ร้อนที่สุดแห่งหนึ่งของลอสแอนเจลิสพบว่า การเคลือบทางเท้าแบบสะท้อนแสงสามารถลดปรากฏการณ์เกาะความร้อนได้

ส่วนกรุงโตเกียวได้ปูทางเท้าแบบนี้ไปแล้วประมาณ 200 กิโลเมตร โดยเริ่มจากพื้นที่ใจกลางเมืองเป็นอันดับแรก และตั้งเป้าว่าจะปูทางเท้านี้ให้ครอบคลุมถนนในเขตเมือง 245 กิโลเมตร ภายในปี 2030

สิงคโปร์ เมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุดในโลก มีพื้นที่สีเขียวมากกว่า 40% โดยจัดสรรพื้นที่ให้กับเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ สวนสาธารณะ สวน และพืชพรรณต่าง ๆ มีการจำกัดจำนวนรถยนต์บนท้องถนนอย่างเข้มงวดผ่านระบบการประมูลที่มีราคาแพง โดยมีการกำหนดโควตาจำนวนรถยนต์ที่สามารถจดทะเบียนได้

ธนาคารโลกแนะนำวิธีลดความร้อนในเมืองในกรุงเทพฯ

ภาวะความร้อนในเมืองที่รุนแรงกำลังกลายเป็นความท้าทายที่เร่งด่วนสำหรับกรุงเทพฯ จากข้อมูลของธนาคารโลกพบว่า พื้นที่บางเขต เช่น เขตปทุมวัน บางรัก ราชเทวี และพญาไท เป็นพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูงกว่าพื้นที่โดยรอบเฉลี่ยถึง 2.8 องศาเซลเซียส เนื่องจากมีอาคารสูงและพื้นผิวคอนกรีตหนาแน่นที่สะสมความร้อนและระบายออกช้า

การคาดการณ์ด้วยแบบจำลองภูมิอากาศในรายงานชี้ว่า ภายในปี 2100 กรุงเทพฯ อาจเผชิญกับวันที่อุณหภูมิสูงเกิน 35 องศาเซลเซียสเพิ่มขึ้นอีก 153 วันต่อปีในกรณีที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกปริมาณปานกลาง

หากอุณหภูมิในเมืองเพิ่มขึ้นเพียง 1 องศาเซลเซียส จะทำให้ผลิตภาพแรงงานลดลงประมาณ 3.4% นำไปสู่การสูญเสียค่าจ้างแรงงานมากกว่า 44,000 ล้านบาทต่อปี และอาจทำให้มีผู้เสียชีวิตจากความร้อนกว่า 2,300 ราย โดยมีประชากรกลุ่มเปราะบางที่เผชิญความเสี่ยงสูง เช่น เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ราว 880,000 คน และผู้สูงอายุเกิน 65 ปี ประมาณ 1 ล้านคน ซึ่งกลุ่มเหล่านี้มักอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากความร้อนสูงที่สุด

ขณะเดียวกันอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น 1 องศาเซลเซียส อาจทำให้ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นราว 17,000 ล้านบาทต่อปี ความร้อนที่รุนแรงยังส่งผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ เช่น ถนน ซึ่งต้องได้รับการซ่อมแซมบ่อยขึ้น ส่งผลให้เกิดภาระทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม

แม้ว่ากรุงเทพมหานครจะเริ่มดำเนินมาตรการหลายด้าน เช่น แผนปฏิบัติการรับมือคลื่นความร้อน ระบบแจ้งเตือนระดับความร้อน และโครงการพื้นที่สีเขียว แต่ธนาคารโลกก็ยังมีโอกาสในการพัฒนาเพิ่มเติม ทั้งด้านการขยายขอบเขตมาตรการ การจัดสรรทรัพยากรเพื่อลดความร้อน และนโยบายระยะยาว โดยรายงานเสนอแนวทางภายใต้กรอบ “ประชาชน (กลุ่มเปราะบาง) พื้นที่ (จุดเสี่ยงสูง) และสถาบัน (หน่วยงานที่รับผิดชอบ)” ได้แก่

  • มาตรการระยะสั้น เช่น ระบบแจ้งเตือนความร้อนที่ครอบคลุมมากขึ้น หรือการจัดตั้ง cooling center และจุดบริการน้ำดื่มในพื้นที่สาธารณะมากขึ้น อาจช่วยลดผลกระทบได้ทันที
  • นโยบายระยะยาว มีความสำคัญต่อการเพิ่มความพร้อมกรุงเทพฯ ในการรับมือกับความร้อนในเมือง ตัวอย่างเช่น การขยายโครงสร้างพื้นฐานสีเขียวและสีน้ำเงิน (Green and Blue Infrastructure) ตลอดจนการบูรณาการประเด็นเกี่ยวกับสภาพอากาศเข้าสู่การวางแผนเมือง การแบ่งโซนที่ดิน การขนส่ง กฎหมาย ข้อบังคับอาคาร และระบบสาธารณสุข
  • การรับมือกับความร้อนในเมืองจำเป็นต้องมีความต่อเนื่องในการบริหารจัดการ การจัดสรรงบประมาณ และความร่วมมือจากหลากหลายภาคส่วน ผู้มีอำนาจตัดสินใจอาจพิจารณาจัดตั้งคณะทำงานพิเศษด้านความร้อนในเมือง เพื่อบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงาน ลดความซ้ำซ้อนภารกิจ และพัฒนาแหล่งเงินทุนที่ยั่งยืน เช่น กองทุนพัฒนาความสามารถในการรับมือความร้อน เพื่อให้โครงการลดความร้อนในเมืองสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่นแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงฝ่ายบริหาร

ที่มา: DW, NASA, Reuters

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ปรับราคา อีวี EQE เริ่มต้น 2.89 ล้านบาท

32 นาทีที่แล้ว

ครม. เพิ่มเยียวยาปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา เสียชีวิต ทหาร-ตร.10 ล้าน พลเรือน8 ล้าน

38 นาทีที่แล้ว

ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ตั้ง 'ยุทธนา จิตจรุงพร' นั่งแม่ทัพการตลาดคนใหม่

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ไฟเขียว ใช้เงินกองทุนฯสุขภาพท้องถิ่น ช่วยเหลือชายแดนไทย-กัมพูชา

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

วิธีดูแลเครื่องซักผ้าฝาบนให้ใช้งานได้นาน ไม่พังง่าย

Gourmet & Cuisine

สมัครบัตรเครดิตต้องรู้ ใช้เอกสารอะไร มีเงื่อนไขอย่างไร?

Gourmet & Cuisine

รายได้ส่วนหนึ่งจากคอนเสิร์ต Oasis ที่แมนเชสเตอร์ ถูกนำไปสนับสนุนวงการดนตรีท้องถิ่นในบ้านเกิด

THE STANDARD

ครม.ไฟเขียว ตั้ง ‘พิเชฐ โพธิ์ภักดี’ นั่งเก้าอี้เลขากพฐ.คนใหม่

MATICHON ONLINE

ดื่มน้ำผิดชีวิตพัง! เปิดความลับเรื่องน้ำดื่มที่อาจเปลี่ยนชีวิตคุณ

WOODY WORLD

XOXO MULTIVERSE CONCERT คอนเสิร์ตใหญ่ของค่ายครั้งแรกที่พาแฟนเพลงท่องจักรวาลแบบจัดเต็ม!

THE STANDARD

ภัยเงียบในของกิน ทำคนยุคใหม่เสี่ยงเป็นโรคไตมากขึ้น

Manager Online

สยามพารากอน ชวนบอกรักแม่สร้างโมเม้นต์สุดพิเศษตลอดเดือนสิงหาคมนี้

สยามรัฐ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...