ปปช.ลงพื้นที่ติดตามคดีอช.แก่งกระจานบุกจับนายทุนรุกที่ป่า4,000ไร่ DSi เตรียมรับเป็นคดีพิเศษเสียหายกว่า100ล้าน
จากกรณี นายมงคล ไชยภักดี หน.อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พ.ท.ชยานันท์ เสาตรง ผบ.ศร. ค่ายธนะรัชต์ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน ร่วมลงพื้นที่ตรวจยึดไร่มะม่วงของเอกชนรายหนึ่ง ในพื้นที่บุกรุกเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และเขตที่ราชพัสดุ ร่วมเนื้อประมาณ 4,074–3–29 ไร่ (นส.3 ก.) บริเวณท้องที่หมู่ 1 ต.หนองพลับ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในพื้นที่ใช้ประโยชน์ของบริษัทแห่งหนึ่ง ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และที่ราชพัสดุ (ปข.605) ก่อนคณะเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาต่อ เอกชนและกรรมการผู้มีอำนาจลงนามบริษัทแห่งหนึ่ง และบุคคลที่ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินปัจจุบัน จำนวน15ราย ในฐานร่วมกันกระทำความผิดบึกรุกพื้นที่ ตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 , พ.ร.บ.ป่าไม้ พุทธศักราช 2484 , พ.ร.บ.ที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2562 , พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช 2456 , และ ประมวลกฎหมายที่ดิน เมื่อวันที่ 8 ก.ค.68 ที่ผ่านมา
ล่าสุดวันที่ 5 ส.ค.2568 นายจักรกฤช ต้นเลิศ รองเลขาธิการคณะกรรมการ ปปช.ภาค7 นำคณะ เจ้าหน้าที่ ปปช.ภาค7 เจ้าหน้าที่สำนักงานป.ป.ช.ประจวบฯ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่กรมสอบสวงนคดีพิเศษ DSi ภาค7 เจ้าหน้าที่ทหาร สำนักงานธนารักษ์ ปลัดอำเภอหัวหิน ตร.สภ.หนองพลับ อบต.หนองพลับ สำนักโยธาธิการและพลังเมือง สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3สาขาเพชรบุรี กรมอุทยาแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืช และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมเร่งรัดติดตามคดี บุกจับนายทุนไร่มะม่วงของเอกชนรายหนึ่ง หลังพบมีการบุกรุกขุดดินไปขาย ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และเขตที่ราชพัสดุ ในพื้นที่ป่า4,000ไร่ บริเวณท้องที่หมู่1ต.หนองพลับ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยใช้เวลานานกว่า 3ชั่วโมงจึงสรุปการประชุม โดยไร้วี้แววเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดิน จ.ประจวบ เข้าร่วมการประชุมแต่อย่างใด จากนั้นคณะเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานจะต้องลงพื้นที่ไปตรวจสอบแปลงที่ดิน4,000ไร่ดังกล่าว แต่ทางบริษัทแจ้งว่าไม่อนุญาติให้เข้ามาตรวจสอบได้จึงต้องเดินทางกลับ ขณะที่ด้านนายนพพร ปทุมเหง่า ผอ.สบอ.3 สาขาเพชรบุรี หลังได้รับรายงานจากเรื่องนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งสืบสวน หาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิดเพื่อหาผุ้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วต่อไป
นายจักรกฤช ต้นเลิศ รองเลขาธิการคณะกรรมการ ปปช.ภาค7 กล่าวว่า เบื้องต้นจากการประชุมหารือกันวันนี้ ได้ข้อสรุป 3 เรื่องได้แก่ 1.เรื่องมาตรการขุดดินต้องมีการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ให้มีหน่วยงานกำกับดูแลหน่วยเดียว ซึ่งเรื่องนี้มีมติ ครม.แล้ว มอบให้กระทรวงมหาดไทยไปดำเนินการให้มีมาตรการและเสนอ ครม.ต่อไป วันนี้ลงพื้นที่มาติดตามมาตรการดังกล่าวยังไม่มีมาตรการดำเนินการจากกระทรวงมหาดไทย หลังจากนี้จะนำเรียนคณะกรรมการ ปปช. เพื่อจะเร่งรัดต่อไป 2.เรื่องการออกเอกสารสิทธิ์ ในที่ดินแปลงดังกล่าวที่มีการกล่าวอ้างว่าโดยมิชอบ ซึ่งหน่วยงานของรัฐในพื้นที่เข้าไปดำเนินคดีแล้ว เชื่อว่าทางทหารและอุทยานได้ทำเรื่องไปถึงกรมที่ดินและธนารักษ์ เพื่อขอให้เพิกถอน นส3ก. ที่เชื่อว่าออกเอกสารสิทธิ์โดยไม่ชอบ 3.เรื่องการขุดดินในพื้นที่ดังกล่าวดำเนินการโดยมิชอบ ทางเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้แจ้งความดำเนินคดีกับเอกชนรายนี้แล้วที่เข้ามาบุกรุกพื้นที่ดังกล่าว และอยู่ในระหว่างดำเนินคดีของพนักงานสอบสวน สภ.หนองพลับและDSIแล้วอยู่ระหว่างดำเนินการ ขณะที่ อบต.หนองพลับที่มีหน้าที่อนุญาตการขุดดิน และกำกับดูแลต่างๆ ขณะนี้ยังไม่ดำเนินการอะไร ก็จะนำเสนอคณะกรรมการ ปปช.ต่อไปว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐในสังกัดอบต.หนองพลับ มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องที่ได้ข้อสรุปในการประชุมในวันนี้
ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวมีพื้นที่ประมาณ 4,000 ไร่ ตรวจสอบพบมีความเสียหายรวมมูลค่ากว่า100 ล้านบาท ขณะที่เรื่องการตรวจสอบการเก็บภาษี เป็นอำนาจของ ปปช.ที่จะต้องเข้าไปตรวจสอบว่า มีการเก็บภาษีที่ดินครบถ้วนหรือไม่ และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ ซึ่งหลังจากนี้ทาง ป.ป.ช จะติดตามเร่งรัดคดีนี้ให้มีความคืบหน้าโดยเร็ว ซึ่งหากเป็นความผิด กรณีนี้เกิดขึ้นเมื่อปี2521 จนถึงปัจจุบันก็ขาดอายุความไปแล้ว แต่ทางเอกชนไม่สามารถยกเรื่องอายุความมาต่อสู้ได้เพราะเป็นเรื่องทางแพ่งที่สามารถเพิกถอนสิทธิ์ได้ แต่ ปปช.มีความกังวลว่าคดีทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมส่วนใหญ่มาร้องเรียนแล้วก็ขาดอายุความเกือบทุกคดี ส่วนประเด็นที่เร่งรัดด่วนคือ กรณีเจ้าหน้าที่ของ อบต.หนองพลับ มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่อย่างไร เรื่องนี้ต้องเร่งดำเนินการคาดว่าภายใน1เดือนจะต้องหาข้อสรุปได้