‘Copper Beyond Buffet’ ปั้นบุฟเฟต์นานาชาติ ต้องจองก่อนมาถึงไทย l 2 ส.ค. 68 FULL l BTimes Weekend
BTimes
อัพเดต 2 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 16 ชั่วโมงที่ผ่านมา • อัพเดตข่าวหุ้น ธุรกิจ การเงิน การลงทุน การตลาด การค้า สุขภาพ กับ บัญชา ชุมชัยเวทย์ - BTimes.Biz'Copper Beyond Buffet' เสิร์ฟประสบการณ์บุฟเฟต์นานาชาติพรีเมียมในรูปแบบ Fine Dining ดันยอดขายทะยานสู่ 800 ล้าน
เชื่อว่าถ้าถามชาวบุฟเฟต์เลิฟเวอร์ว่าร้านบุฟเฟต์นานาชาติร้านไหนคือที่หนึ่งในใจ หลายคนต้องยกนิ้วให้ ‘Copper Beyond Buffet’ แน่นอน เพราะนอกจากจะมีความพรีเมียมแล้ว ‘Copper Beyond Buffet’ ยังถือเป็น Fine Dining Buffet ที่ชาวต่างชาติส่วนใหญ่มาแล้วประทับใจถึงขั้นออกปากว่า ‘การมา Copper Beyond Buffet เหมือนกับมาดิสนีย์แลนด์’
‘Copper Beyond Buffet’ เกิดขึ้นจากแนวความคิดของคุณสมศักดิ์ พินิจศักดิ์กุล ที่ต้องการจะทำร้านอาหารดีๆ สักที่มาตั้งไว้ใน The Sense ปิ่นเกล้าภายใต้โจทย์ใหญ่ที่ต้องการจะปฏิวัติบุฟเฟต์นานาชาติของเมืองไทย จึงจับเข่าคุยกับคุณเกษมสันต์ สัตยารักษ์ (ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง General Manager ร้าน Copper Beyond Buffet) พร้อมจับมือกันตะลุยศึกษาธุรกิจนี้อย่างจริงจัง จนไปจบที่การเปิดบุฟเฟต์นานาชาติพรีเมียมในรูปแบบ Fine Dining เบ็ดเสร็จงบลงทุนทั้งหมดจบที่ 35 ล้าน! ใช่ ทุกคนอ่านไม่ผิด เพราะสาขาแรกที่ทำคุณสมศักดิ์ทุ่มงบลงทุนไปที่ 35 ล้านบาท เนรมิตพื้นที่ 2,300 ตารางเมตร ให้สามารถรองรับลูกค้าได้ถึง 400 ที่นั่ง แต่ช่วงแรกที่เปิด ‘Copper Beyond Buffet’ ต้องแบกรับต้นทุนที่สูงจนขาดทุนเดือนละเกือบล้านบาทติดต่อกันหลายเดือน จนคุณเกษมลุกขึ้นมาศึกษาอย่างเข้มข้น จับโซเชียลมีเดียมาเป็นตัวกลางในการสื่อสารกับลูกค้า เปลี่ยนการจองในรูปแบบทักแชทมาเป็นการจองผ่านแพลตฟอร์ม Hungry Hub ที่มีความเสถียรและสะดวกรวดเร็ว ทั้งยังช่วยลดการเกิดปัญหา Human Error ของพนักงานที่ดูแลด้านการจองได้อีกด้วย
(ขอบคุณรูปจาก Copper Beyond Buffet)
นอกจากนี้ คุณเกษมยังนำเสนอไอเดียที่เสริมความบียอนด์ไปอีกระดับให้กับ ‘Copper Beyond Buffet’ ด้วยการเสิร์ฟประสบการณ์บุฟเฟต์สุดลักชัวรีผ่านการทานบุฟเฟต์ในรูปแบบ Chef's Table จากเชฟมิชลินสตาร์มาเป็นตัวชูโรงอีกไลน์อัป เพื่อดันให้ ‘Copper Beyond Buffet’ สู่เป้าหมายการเป็น 1 ใน Destination ของการมาเที่ยวเมืองไทย
แม้ในช่วงที่ทั่วโลกประสบกับวิกฤตโรคระบาดโควิด–19 คุณเกษมก็ไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไร้จุดหมาย กลับกันกลับพาทีมวิ่งหาทางออกด้วยการขายผ่านช่องทางเดลิเวอรี ซึ่งระหว่างทางก็นำฟีดแบ็คของลูกค้ามาพัฒนาและปรับปรุงจนสามารถดึงยอดขายกลับขึ้นมาได้สูงสุดถึงเดือนละ 7 หลัก จนสามารถแจกโบนัสพนักงานให้สมกับความตั้งใจร่วมฝ่าฟันมาตลอดทั้งปี
จากความตั้งใจอย่างไม่หยุดยั้ง ออกผลสู่ยอดขายในปีที่ผ่านมา (ปี 2567) สูงถึง 800 ล้านบาท พร้อมกวาดสัดส่วนลูกค้าต่างชาติได้มากถึง 35–40%