โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ภูมิภาค

มหาดไทยปลดล็อก อปท. จัดรถรับส่งนักเรียน อุดหนุนอาหารกลางวัน ม.1-ม.6 ได้เต็มรูปแบบ

สยามรัฐ

อัพเดต 13 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 13 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นเป็นประเด็นสำคัญในการบริหารจัดการประเทศ โดยเฉพาะด้านการศึกษา ที่มักเผชิญปัญหาความเหลื่อมล้ำทั้งด้านทรัพยากรและโอกาส การเข้าถึงบริการสาธารณะ เช่น รถรับส่งนักเรียนและอาหารกลางวัน ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีผลโดยตรงต่อการเรียนรู้ของเด็กไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) หลายแห่งต้องเผชิญความไม่แน่นอนทางกฎหมาย ว่าจะสามารถใช้งบประมาณจัดบริการเหล่านี้ได้หรือไม่ ปัญหาความคลุมเครือดังกล่าวทำให้เกิดการร้องเรียนและเรียกร้องจากหลายภาคส่วน กระทั่งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2568 กระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือยืนยันชัดเจน ว่า อปท. สามารถดำเนินการได้เต็มรูปแบบ ถือเป็นการปลดล็อกครั้งสำคัญที่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารการศึกษาไทยในระดับพื้นที่อย่างแท้จริง

ที่มาของปัญหา ความคลุมเครือที่สร้างภาระ ตลอดระยะเวลา 3-4 เดือนที่ผ่านมา อปท. ทั่วประเทศต้องการคำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ในการสนับสนุนการศึกษา โดยเฉพาะใน 2 ประเด็นหลัก คือ การจัดรถรับส่งนักเรียน และการอุดหนุนค่าอาหารกลางวันสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษา

เดิมทีแนวทางปฏิบัติระบุเพียงว่า สามารถทำได้ ในกรณีจำเป็นหรือเพื่อช่วยเหลือนักเรียนยากจน ส่งผลให้การดำเนินงานในหลายพื้นที่สะดุด เพราะไม่สามารถจัดบริการให้ครอบคลุมนักเรียนทุกคน แม้จะมีความต้องการจริงในพื้นที่

ผลกระทบคืออะไร? นักเรียนบางส่วนต้องเดินเท้าไกลกว่า 5-10 กิโลเมตรเพื่อไปโรงเรียน ผู้ปกครองต้องแบกรับภาระค่าเดินทางและค่าอาหารกลางวันสูงขึ้น เด็กบางกลุ่มขาดเรียนเนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายเพียงพอ สถานการณ์นี้ทำให้เกิดการร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆ และกลายเป็นประเด็นร้อนในวงการท้องถิ่น

ความเคลื่อนไหวของ กมธ. และเอกสารสำคัญ จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อ คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง ได้เชิญ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) กระทรวงมหาดไทย และ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มาหารือร่วมกันเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 เพื่อตอบคำถามสำคัญว่า “ท้องถิ่นสามารถใช้งบประมาณจัดบริการสาธารณะด้านการศึกษาครอบคลุมนักเรียนทุกคนได้หรือไม่?”

จากนั้นเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 คณะกรรมาธิการฯ ได้ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เพื่อสอบถามและขอความชัดเจน โดยมี ข้อเรียกร้องสำคัญ 4 ประเด็น ได้แก่

1. ขอบเขตการจัดรถรับส่งนักเรียน สอบถามว่า อปท. สามารถจัดรถรับส่งนักเรียนในโรงเรียนทุกสังกัดที่อยู่ในพื้นที่ได้หรือไม่ ไม่จำกัดเฉพาะโรงเรียนสังกัดตน

2. การใช้งบประมาณในกรณีจำเป็น ขอความเห็นว่าการใช้เงินอุดหนุนจากรัฐบาลกลางหรือจากงบประมาณท้องถิ่น ต้องมีข้อจำกัดอะไรบ้าง เพื่อป้องกันการตีความผิด

3. การอุดหนุนค่าอาหารกลางวันนักเรียนมัธยม สอบถามว่า สามารถใช้งบประมาณสนับสนุนอาหารกลางวันสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษา ม.1-ม.6 ได้หรือไม่

4. ความเห็นต่อการแก้ไขกฎหมาย เสนอให้พิจารณาแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มความชัดเจนและลดข้อโต้แย้งทางกฎหมายในอนาคต

หนังสือนี้กำหนดให้ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ตอบภายในวันที่ 27 มิถุนายน 2568 เพื่อยุติความไม่แน่นอน

คำตอบจากมหาดไทย: ปลดล็อกเต็มรูปแบบ เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2568 กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้ตอบกลับเป็นหนังสือยืนยันว่า 1.อปท. สามารถจัดรถรับส่งนักเรียนทุกคนในโรงเรียนสังกัดท้องถิ่นได้ 2.สามารถจัดรถรับส่งนักเรียนในโรงเรียนสังกัดอื่นที่อยู่ในพื้นที่ได้ เพื่อความเท่าเทียม 3. สามารถอุดหนุนค่าอาหารกลางวันให้นักเรียนมัธยมศึกษา (ม.1-ม.6) ในโรงเรียนมัธยมสังกัดท้องถิ่นได้

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน กล่าวว่า เมื่อ 3-4 เดือนก่อน ได้รับฟังความกังวลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายแห่ง เกี่ยวกับขอบเขตอำนาจหน้าที่ของตนในการนำงบประมาณของท้องถิ่นมาสนับสนุนภารกิจด้านการศึกษาในพื้นที่ โดยเฉพาะเรื่องการจัดรถรับส่งนักเรียน และการอุดหนุนอาหารกลางวันให้นักเรียนมัธยม

เรื่องรถรับส่งนักเรียน แม้ไม่ได้มีเขียนห้ามไว้ แต่คำตอบจากหน่วยงานที่ผ่านมามักเต็มไปด้วยเงื่อนไขหรือข้อความที่คลุมเครือต่อการตีความ เช่น จัดให้ได้เฉพาะ “เด็กที่ด้อยโอกาส” แต่จัดให้ทุกคนไม่ได้? จัดได้โดยให้นับว่าเป็นภารกิจท้องถิ่นเรื่อง “การสังคมสงเคราะห์” แต่ไม่ให้นับว่าเป็นภารกิจท้องถิ่นเรื่อง “การศึกษา”? จัดได้เฉพาะนักเรียนในโรงเรียนสังกัดท้องถิ่น แต่จัดให้นักเรียนในโรงเรียนสังกัดอื่นไม่ได้?

เรื่องอาหารกลางวันนักเรียน แม้รัฐบาลมีการอุดหนุนงบอาหารกลางวันให้กับนักเรียนประถมในทุกโรงเรียน และนักเรียน มัธยมต้น ม.1-3 (เฉพาะในโรงเรียนขยายโอกาส) อยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมา ท้องถิ่นหลายแห่งมีความเข้าใจว่าท้องถิ่นไม่สามารถนำงบของท้องถิ่นมาอุดหนุนค่าอาหารกลางวันให้กับนักเรียนมัธยม (ม.1-6) ในโรงเรียนมัธยมของท้องถิ่นเองได้

ในมุมหนึ่ง ตนเห็นว่าในเชิงกฎหมาย ท้องถิ่นน่าจะมีอำนาจดำเนินการดังกล่าวได้ เพราะ พ.ร.บ. อบจ. และ พ.ร.บ. เทศบาล ถูกแก้ไขเพิ่มเติมในปี 2562 ซึ่งระบุชัดเจนว่า อบจ. และ เทศบาล มีอำนาจหน้าที่ “จัดการ ส่งเสริม และสนับสนุนการจัดการศึกษา” ซึ่งควรครอบคลุมการจัดรถรับส่งนักเรียนและการอุดหนุนอาหารกลางวันให้กับนักเรียนในสถานศึกษาทุกสังกัดในพื้นที่

แต่ในอีกมุมหนึ่ง ตนก็เข้าใจท้องถิ่นหลายแห่งที่กังวล ว่าหากดำเนินการไปโดยที่ยังมีความเห็นจากหน่วยงานส่วนกลางในอดีตที่คลุมเครือและยังไม่มีคำยืนยันชัดเจนว่าทำได้หรือไม่ ก็อาจถูกตรวจสอบและเอาผิดย้อนหลังได้

เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว จึงได้นำเรื่องนี้เข้าสู่การประชุม กมธ. พัฒนาการเมือง ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 โดยเชิญทั้งกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย และ สตง. (ที่ท้องถิ่นกังวลว่าจะมาตรวจสอบท้องถิ่น) มาร่วมประชุมด้วยในคราวเดียวกัน

ทางตนและ กมธ. ได้ร่วมกันนำเสนอว่าหากอ้างอิงกฎหมายปัจจุบัน เราควรตีความว่าท้องถิ่นมีอำนาจในการดำเนินการภารกิจเรื่องรถรับส่ง-อาหารนักเรียนได้ ในบางเรื่อง ทางตัวแทนกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นยืนยันในที่ประชุมวันนั้นว่าเห็นตรงกัน (เช่น การจัดรถรับส่งให้นักเรียนทุกคนในโรงเรียนสังกัดท้องถิ่น) แต่ก็มีหลายเรื่องที่ทางตัวแทนกรมขอยังไม่ยืนยัน แต่รับปากว่าจะนำกลับไปศึกษาภายในกรมเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความชัดเจนโดยเร็ว

ล่าสุด (3 ก.ค. 2568) ทางกรมได้ส่งหนังสือ กลับมาที่ทาง กมธ. โดยเป็นการยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ท้องถิ่นสามารถนำงบประมาณมาสนับสนุนภารกิจด้านการศึกษาดังต่อไปนี้ 1. จัดรถรับส่งนักเรียนให้กับนักเรียนทุกคนในโรงเรียนสังกัดท้องถิ่นได้ (ไม่ใช่แค่เฉพาะนักเรียนรายได้น้อย เหมือนที่เคยเป็นที่เข้าใจ) 2. จัดรถรับส่งนักเรียนให้กับนักเรียนทุกคนในโรงเรียนสังกัดอื่นภายในพื้นที่ได้ 3. อุดหนุนอาหารกลางวันให้กับนักเรียนมัธยมทุกคน (ม.1-6) ในโรงเรียนมัธยมของท้องถิ่นเองได้

แน่นอนว่าหากมองเชิงระบบ เราจำเป็นต้องปรับปรุงกฎหมายที่ปลดล็อกให้ท้องถิ่นจัดทำบริการสาธารณะในพื้นที่ในภาพรวมได้อย่างเต็มที่และคล่องตัวกว่าที่เป็นอยู่ (แทนที่จะเป็นการแก้ปัญหากันเป็นรายประเด็น) แต่ตนหวังว่าหนังสือยืนยันจากกรมฉบับนี้ จะเป็นความคืบหน้าเล็กๆน้อยๆ ที่ทำให้ท้องถิ่นมีความสบายใจมากขึ้น ในการเดินหน้านโยบายเกี่ยวกับรถรับส่งนักเรียนและอาหารกลางวันนักเรียนมัธยม ในพื้นที่ตนเอง

“ผมขอขอบคุณทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ช่วยสะท้อนปัญหา และขอบคุณหน่วยงานทั้งหมดที่ร่วมกันแก้ไขปัญหา เพื่อปลดล็อกท้องถิ่นด้านการศึกษา - เข้าใจว่าทางกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจะออกระเบียบและ/หรือแนวปฏิบัติเพิ่มเติมหากจำเป็น เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการที่ทางกรมได้ทำการยืนยันมาแล้ว” นายพริษฐ์ กล่าว

การปลดล็อกครั้งนี้เป็น ก้าวสำคัญของการกระจายอำนาจ ช่วยให้ อปท. ตอบโจทย์ประชาชนมากขึ้น และเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปบริการสาธารณะในอนาคต

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก สยามรัฐ

สถานการณ์ชายแดนจันทบุรี หลังปิดด่านมียอดกัมพูชาอพยพ

11 นาทีที่แล้ว

วิริยะประกันภัย นำวิริยะจิตอาสาร่วมส่งกำลังใจผู้ประสบภัย

20 นาทีที่แล้ว

คลังอาวุธ ทหารเขมร สมรภูมิภูมะเขือ ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน กัมพูชา11 รายการ พร้อมโทรศัพท์ 7 เครื่องใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย

25 นาทีที่แล้ว

อบจ.กาฬสินธุ์เชิญชวนประชาชนร่วมส่งกำลังใจผู้ประสบภัย-ทหารเขตชายแดนไทย – กัมพูชา

33 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความภูมิภาคอื่น ๆ

สถานการณ์ชายแดนจันทบุรี หลังปิดด่านมียอดกัมพูชาอพยพ

สยามรัฐ

เปิดภาพ คนแห่หนี F-16 ถล่ม จากกาสิโน เขมรพบแอบตั้งปืนใหญ่อยู่หลังบ่อน

มุมข่าว

คลังอาวุธ ทหารเขมร สมรภูมิภูมะเขือ ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน กัมพูชา11 รายการ พร้อมโทรศัพท์ 7 เครื่องใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย

สยามรัฐ

บรรยากาศชายแดนตึงเครียด ชาวศรีสะเกษแห่อพยพ เผยมีกระสุนตกใกล้โรงพยาบาลอีกแล้ว!

MATICHON ONLINE

อบจ.กาฬสินธุ์เชิญชวนประชาชนร่วมส่งกำลังใจผู้ประสบภัย-ทหารเขตชายแดนไทย – กัมพูชา

สยามรัฐ

GC ส่งมอบถังเผาถ่านรักษ์โลกให้ชุมชนในพื้นที่มาบตาพุด และห้วยโป่ง จ.ระยอง

สยามรัฐ

ในหลวง-พระราชินี พระราชทานสิ่งของให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบตามแนวชายแดน พักอาศัยในศูนย์อพยพกว่า 5,000 คน

สยามรัฐ

ปทุมธานี พิพิธภัณฑ์การเกษตรฯ ชวนเที่ยวงานสานต่องานแม่ 2–3 ส.ค.

สยามรัฐ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...