กต.ยื่นหนังสือ ICRC ปมกัมพูชาโจมตีพลเรือน-สถานพยาบาล
วันนี้ (26 ก.ค.2568) นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ (กต.) แถลงสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ว่า ตั้งแต่ฝ่ายกัมพูชาเริ่มปะทะกับฝ่ายไทยครั้งแรก ตลอดเวลาที่ตนปฏิบัติภารกิจที่องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้ยืนยันให้ทุกประเทศและผู้แทนระดับสูงของยูเอ็นทราบว่าฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้เริ่มก่อนและโจมตีพื้นที่พลเรือน จนทำให้ประชาชนชาวไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
ขณะเดียวกันกัมพูชายืนยันมาตลอดว่าเป็นสมาชิกของประชาคมระหว่างประเทศ แต่กลับละเมิดหลักการและมีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นการกระทำที่ร้ายแรง โจมตีไม่เลือกเป้าหมาย โดยโจมตีพื้นที่ของพลเรือน ซึ่งไม่เพียงเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยของไทย แต่ยังละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ กฎบัตรของสหประชาชาติ และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รวมถึงละเมิดศีลธรรมขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ ซึ่งควรได้รับการประณามอย่างรุนแรงจากประชาคมระหว่างประเทศ
รมว.ต่างประเทศ กล่าวอีกว่า การประชุมแบบเปิดของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ตนได้กล่าวถ้อยแถลงและพบหารือกับผู้แทนระดับสูงขององค์การระหว่างประเทศและประเทศต่างๆ โดยได้ย้ำข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนที่เกิดขึ้น ย้ำท่าทีของประเทศไทยในการแก้ไขปัญหาเขตแดนกับกัมพูชาอย่างสันติ ผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ รวมถึงได้ยืนยันเรื่องการละเมิดสัญญาออตตาวาของกัมพูชาที่ลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิดใหม่ในเขตอธิปไตยไทย
ทั้งหมดเป็นการกระทำที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ละเมิดข้อตกลงทุกอย่างโดยฝ่ายกัมพูชา
ส่วนกรณีที่กัมพูชายื่นหนังสือต่อประธาน UNSC เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ได้เข้าพบเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรปากีสถาน ณ นครนิวยอร์ก ในฐานะประธาน UNSC ประจำเดือน ก.ค.2568 ชี้แจงเหตุการณ์ที่กำพูชาริเริ่มใช้กำลังทางทหารและละเมิดพันธกรณีที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งมีหนังสือเวียนให้ประเทศสมาชิกรับทราบ
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ
เวทีปิด UNSC เห็นพ้องไทย-กัมพูชาหยุดยิง เจรจาสันติวิธี
นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากนายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ว่า ทั่งฝ่ายไทย ฝ่ายกัมพูชาและประเทศสมาชิก UNSC ได้กล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุมฯ โดยฝ่ายไทยได้ยืนยันว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงและโจมตีสถานที่ที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหารอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ถ้อยแถลงของประเทศสมาชิก UNSC ที่เข้าร่วมประชุมเป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ 1.ขอให้กัมพูชาและไทยใช้การยับยั้งชั่งใจ ลดความตึงเครียด หยุดยิงและแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี รวมถึงใช้ช่องทางการทูตและการเจรจาทวิภาคีบนพื้นฐานและหลักการการเป็นเพื่อนบ้านที่ดีระหว่างกัน 2.สนับสนุนบทบาทของอาเซียนในการหารือแก้ไขความขัดแย้ง และ 3.ย้ำว่าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาไม่ได้เป็นภัยต่อสันติภาพและความมั่งคงระหว่างประเทศ โดยเป็นข้อขัดแย้งของ 2 ประเทศที่ควรแก้ไขผ่านกระบวนการเจรจาอย่างสันติ ทั้งนี้ที่ประชุม UNSC เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ไม่ได้มีการออกเอกสารใดๆ
สำหรับกรณีนายอันวาร์ อิบราฮิม ในฐานะประธานอาเซียน เสนอขอเป็นตัวกลางเจราจาหยุดยิงระหว่างไทย-กัมพูชานั้น ตนขอขอบสำหรับบทบาทและข้อเสนอต่างๆ ซึ่งประเทศไทยเห็นด้วยในหลักการ แต่กัมพูชาต้องแสดงความจริงใจอย่างชัดเจนและยุติการโจมตี โดยไทยได้หารือกับมาเลเซียในฐานะที่เป็นประธานอาเซียน เพื่อหาข้อยุติเรื่องดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง
รมว.ต่างประเทศ ยังกล่าวถึงการโจมตีเป้าหมายพลเรือน ว่า ได้สั่งการให้ กต.ทำหนังสือประท้วง เพราะรัฐบาลไทยยอมรับไม่ได้ โดยยืนยันเจตนารมณ์ในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทโดยสันติวิธี บนพื้นฐานของหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และร่วมมือกับประชาคมระหว่างประเทศในการธำรงสันติภาพและเสถียรภาพ พร้อมเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชายุติการรุกราน การกระทำที่เป็นละเมิดหลักกฎหมายระหว่างประเทศและกลับเข้าสู่กระบวนการเจรจาอย่างจริงใจและสุจริตใจ
ชี้ "กัมพูชา" ละเมิดอนุสัญญาเจนีวา-ทำหนังสือถึง ICRC
ขณะที่นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษก กต. แถลงย้ำจุดยืนขอ กต. ในเรื่องการโจมตีเป้าหมายพลเรือน ดังนี้
เมื่อวันที่ 24 ก.ค.2568 เวลา 08.20 น. กองกำลังกัมพูชา เปิดฉากยิงใส่ฐานทัพไทยที่ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 2 นาย หลังจากนั้นทหารกัมพูชาเปิดฉากโจมตีอย่างไม่เลือกเป้าหมายในพื้นที่ 4 จังหวัดของไทย คือ จ.บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษแลอุบลราชธานี
ต่อมาเวลา 11.50 น.วันเดียวกัน โรงพยาบาลพนมดงรักฯ ถูกโจมตีด้วยการยิงปืนใหญ่จากฝ่ายกัมพูชา ถือเป็นการกระทำรุนแรง ไม่เลือกเป้าหมายและละเมิดกฎหมายต่อพลเรือนไทย ส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงและนำไปสู่การสูญเสียชีวิตของพลเรือนผู้บริสุทธิ์ รวมถึงสตรี เด็ก สถานที่ของพลเรือนและโรงพยาบาล
ทั้งนี้ เวลา 14.00 น.ของวันที่ 25 ก.ค.2568 การโจมตีดังกล่าวส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิต 13 คน บาดเจ็บ 46 คน
ยิ่งไปกว่านั้นการโจมตีพลเรือน สถานที่ของพลเรือนและสถานพยาบาล ถือเป็นละเมิดอนุสัญญาเจนีวา ค.ศ.1949 อย่างชัดเจนและร้ายแรง รวมถึงข้อ 19 ของอนุสัญญาฯ ฉบับที่ 1 ว่าด้วยการคุ้มครองหน่วยแพทย์และสถานพยาบาล และข้อ 18 ของอนุสัญญาฯ ฉบับที่ 4 ว่าด้วยการคุ้มครองโรงพยาบาลฝ่ายพลเรือน
ประเทศไทยขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำอันไร้มนุษยธรรม ซึ่งขัดต่อพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาเจนีวาอย่างชัดเจน โดยรัฐบาลไทยจะมีหนังสือถึงประธานคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) เพื่อแสดงการประณามอย่างรุนแรงต่อการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรงเหล่านี้
อ่านข่าว
กองทัพยืนยัน "กระสุนตกฝั่งลาว" ไม่ใช่ของฝ่ายไทย
"ภูมิธรรม" เผย "อันวาร์" เสนอขอเป็นตัวกลางเจรจาหยุดยิงไทย-กัมพูชา
เปิดถ้อยแถลง! ทูตไทยประจำสหประชาชาติ ชี้แจง UNSC กรณีสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา