“หมอเปรม” รอด! กกต.ยกคำร้องต้องคำพิพากษาคดีบังคับนักข่าวแก้ผ้า
วันที่ 26 กรกฎาคม 2568 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เผยแพร่คำวินิจฉัยของคณะกรรมการฯ กรณีคำร้องคัดค้านการใช้สิทธิสมัครสมาชิกวุฒิสภาของนพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ หรือ “หมอเปรม” ซึ่งลงสมัครรับเลือกเป็น ส.ว. ในกลุ่มสาธารณสุข (กลุ่มที่ 4) หมายเลข 76 ในระดับประเทศ
คำร้องดังกล่าวระบุว่า นพ.เปรมศักดิ์ เคยต้องคำพิพากษาในคดีอาญาให้ลงโทษจำคุก และถูกคุมขังโดยหมายของศาล และเคยพ้นโทษจำคุกมาแล้วยังไม่ถึงสิบปี ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามตามรัฐบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (8) และ (9) และมาตรา 74
อย่างไรก็ตาม กกต.มีมติให้ ยกคำร้อง โดยพิจารณาจากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3228/2563 ลงวันที่ 9 กรกฎาคม 2563 ซึ่งระบุว่า คดีที่เกี่ยวข้องกับนพ.เปรมศักดิ์เกิดขึ้นเมื่อปี 2559 สมัยดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น กรณีบังคับขู่เข็ญให้ผู้สื่อข่าวหญิงแก้ผ้า ระหว่างเข้าพบเพื่อสอบถามประเด็นข่าวส่วนตัว
ในคดีนี้ ศาลชั้นต้นตัดสินว่า นพ.เปรมศักดิ์ มีความผิดฐานกระทำอนาจารและข่มขืนใจผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 (เดิม), 281 และ 309 วรรคแรก ลงโทษจำคุก 2 เดือน ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษายืน และเมื่อคดีถึงศาลฎีกา ศาลมีคำวินิจฉัยว่า นพ.เปรมศักดิ์ ได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหาย ซึ่งถือเป็นพฤติการณ์บรรเทาโทษ และแสดงความสำนึกผิด จึงเปลี่ยนโทษจำคุกเป็น โทษกักขัง ตามมาตรา 23 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
โดยศาลให้กักขังนาน 2 เดือน ซึ่งไม่ได้มีคำสั่งให้นำตัวคุมขังโดยหมายของศาลตั้งแต่ต้น และกรณีที่ นพ.เปรมศักดิ์ ถูกควบคุมตัวที่สถานีตำรวจเพียง 1 วัน ในช่วงแรกนั้น ก็ไม่ถือว่าเป็น “การคุมขังโดยหมายศาล” ตามเงื่อนไขที่เป็นลักษณะต้องห้ามสำหรับผู้สมัคร สว.
ดังนั้น กกต.จึงเห็นว่า ข้อเท็จจริงไม่รับฟังได้ว่า นพ.เปรมศักดิ์เคยต้องคำพิพากษาให้จำคุก และถูกคุมขังโดยหมายของศาล จึงไม่ขัดต่อ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา มาตรา 14 และมาตรา 74
ทั้งนี้ แม้ภายหลังจากการเข้ารับตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา นพ.เปรมศักดิ์ จะเคยถูก กลุ่มธรรมาภิบาล ยื่นเรื่องขอให้ตรวจสอบจริยธรรม กรณีเหตุการณ์เมื่อปี 2559 อีกครั้ง แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีผลวินิจฉัยทางจริยธรรมใด ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการดำรงตำแหน่ง