โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

AOT จับมือ ไปรษณีย์ไทย พัฒนา”แพลตฟอร์ม”เสริมศักยภาพโลจิสติกส์ไทยสู่ระดับสากล

Manager Online

เผยแพร่ 2 วันที่แล้ว • MGR Online

“AOT - ไปรษณีย์ไทย”เซ็น MOU ร่วมมือศึกษาพัฒนาระบบแพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ เชื่อมโยงการขนส่งสินค้าทางอากาศ เสริมศักยภาพโลจิสติกส์ไทย

วันที่ 1 กันยายน 2568 บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) หรือทอท. และ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้านการศึกษาและพัฒนาระบบแพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเชื่อมโยงการทำงานภาคธุรกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศเพื่อผลักดันให้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.)เป็นศูนย์กลางการขนส่งของภูมิภาค (Aviation Hub) โดยมี นายรัฐพล ภักดีภูมิ ประธานกรรมการ ไปรษณีย์ไทย เป็นประธานในพิธีลงนาม โดยมีนางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ AOT และนายดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บ.ไปรษณีย์ไทย ร่วมลงนาม และมีนายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และนายตฤณ ทวิธารานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจบริการดิจิทัล ปณท ร่วมเป็นพยาน ณ ห้องภาณุพันธุวงศ์ อาคารภาณุรังษีไปรษณียาคาร ไปรษณีย์ไทย (สำนักงานใหญ่) ถนนแจ้งวัฒนะ

นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) หรือ ทอท. กล่าวว่า AOT ในฐานะผู้จัดตั้งเขตปลอดอากร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ซึ่งเปรียบเสมือนประตูการค้าระหว่างประเทศทางอากาศของประเทศไทย ได้ตระหนักถึงความสำคัญของธุรกิจการขนส่งสินค้าเป็นอย่างมาก เมื่อปีงบประมาณ 2567 (ตุลาคม 2566 - กันยายน 2567) สถิติการขนส่งสินค้าทางอากาศผ่าน ทสภ.มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด คือ มีจำนวนสินค้าและไปรษณียภัณฑ์กว่า 1.33 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 20.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ 2566 ในจำนวนดังกล่าวเป็นการขนส่งระหว่างประเทศถึง 1.32 ล้านตัน ซึ่งมีอัตราเติบโต 20.24% และในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม 2567 - กรกฎาคม 2568) มีปริมาณสินค้าและไปรษณียภัณฑ์ผ่าน ทสภ.กว่า 1.25 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 10.9% เป็นการขนส่งระหว่างประเทศถึง 1.24 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 10.94%

จากแนวโน้มการเติบโตของภาคธุรกิจขนส่งทางอากาศ ซึ่ง ทสภ.มีบทบาทสำคัญในการเป็นจุดศูนย์กลางในการรองรับปริมาณสินค้าทางอากาศจำนวนมากที่มีการส่งออกและนำเข้าผ่านประเทศไทย มีการไหลของสินค้าและข้อมูลในกระบวนการขนส่งปริมาณมาก ดังนั้น การบริหารจัดการภายในพื้นที่เขตปลอดอากร ทสภ.จึงจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบ เพื่อความรวดเร็วและคล่องตัว โดยนำนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยมาใช้ในการรองรับการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ในอนาคต

ส่วน ไปรษณีย์ไทย เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจการขนส่งสินค้าแบบการจัดส่งสินค้าไปยังผู้รับปลายทาง (Last mile Delivery) รวมไปถึงมีทรัพยากรสำหรับการขนส่งที่จำเป็นต่อธุรกิจขนส่งอย่างครบถ้วน ความร่วมมือกับ ไปรษณีย์ไทย จึงเป็นประโยชน์ต่อการให้บริการธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ ตลอดจนการบริหารจัดการเขตปลอดอากร ทสภ.ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งลดความแออัดของการจราจรในพื้นที่ เพื่อให้ผู้ประกอบการที่มาใช้บริการเกิดความคล่องตัว รวดเร็ว และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยยึดหลักการบริหารต้นทุนทางด้านโลจิสติกส์ของผู้ประกอบการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

นายดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปณท กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและพัฒนาระบบแพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ Airport Cargo Community System (ACS) ซึ่งจะเป็นกลไกกลางเชื่อมโยงการทำงานในห่วงโซ่การขนส่งสินค้าทางอากาศครอบคลุมทุกภาคส่วน ตั้งแต่ผู้นําเข้า–ส่งออก สายการบิน ตัวแทนขนส่งผู้ให้บริการภาคพื้น ไปจนถึงหน่วยงานศุลกากรและพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ โครงการนี้ยังนำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมด้านโลจิสติกส์ใหม่ อาทิ ระบบบริหารจัดการช่วงเวลารถบรรทุก (Truck Slot Management) และระบบ Smart Backhaul Trucking ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เที่ยวรถ ลดการวิ่งเปล่า ลดต้นทุนเชื้อเพลิงและแรงงาน พร้อมทั้งช่วยลดการปล่อยคาร์บอน และการพัฒนาระบบเชื่อมโยงเครือข่ายการขนส่งระหว่างท่าอากาศยาน และเชื่อมต่อกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง

ซึ่งระบบจะมีฟังก์ชันสำคัญ เช่น การจับคู่สินค้ากับพื้นที่บรรทุกโดยใช้ AI และ Machine Learning การวิเคราะห์เส้นทางเพื่อลดเวลาและค่าใช้จ่าย การรวมสินค้าจากผู้ส่งหลายรายเพื่อลดต้นทุนการขนส่ง การติดตามสถานะงานและเวลามาถึงแบบเรียลไทม์ การเชื่อมต่อข้อมูลผ่านแอปพลิเคชันเข้ากับระบบจัดการขนส่ง พิธีการศุลกากร ระบบการจัดการทรัพยากร และระบบคลังสินค้า ซึ่ง ปณท มีความเชื่อมั่นว่า การร่วมมือกับ AOT จะเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบการขนส่งสินค้าทางอากาศของประเทศไทยก้าวสู่มาตรฐานสากล สนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัล และตอบโจทย์เป้าหมายการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนของประเทศ

อย่างไรก็ตาม AOT มุ่งหวังว่าการศึกษาและพัฒนาร่วมกับ ปณท จะเป็นการบูรณาการการขนส่งสินค้าทางอากาศ และทางรถที่เป็นประโยชน์และช่วยลดต้นทุนทางด้านโลจิสติกส์ ให้แก่ ผู้ผลิตสินค้า ผู้ให้บริการตัวแทนขนส่งสินค้า รวมไปถึงประชาชนไทยที่มีความต้องการในการขนส่งสินค้า อีกทั้งยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับระบบการขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิ (Cool Chain Logistics) ให้เหมาะสมกับสินค้าเกษตรของไทย ซึ่งจะเป็นการสร้างศักยภาพของการขนส่งสินค้าทางอากาศของประเทศให้สามารถรองรับการเติบโตของธุรกิจโลจิสติกส์ได้ในระดับสากล เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับประเทศ และส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งของภูมิภาคเอเชียต่อไป

website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...