ย้อนดูนโยบาย “ภูมิใจไทย” หาก “อนุทิน” ขึ้นนั่งเก้าอี้นายกฯ คนที่ 32
ย้อนดูนโยบาย พรรคภูมิใจไทย ทั้งนโยบายพักหนี้ 3 ปี เงินกู้ฉุกเฉิน 50,000 บาท และการยกระดับสาธารณสุขครั้งใหญ่ หาก อนุทิน ขึ้นแท่นนายกฯ คนใหม่
หลังจากที่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่างลงจากการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ที่ผ่านมา ทำให้ทุกสายตาในแวดวงการเมืองต่างจับจ้องไปที่กระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ซึ่งหนึ่งในแคนดิเดตคนสำคัญที่มีโอกาสสูงคือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
เพื่อให้ได้มีข้อมูลประกอบการพิจารณาและติดตามสถานการณ์การเมืองในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ จึงขอย้อนทบทวนนโยบายหลักที่พรรคภูมิใจไทยได้ใช้หาเสียงไว้ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 ซึ่งหากนายอนุทินได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำรัฐบาล โดยมีดังต่อไปนี้
1. เงินกู้ฉุกเฉิน 50,000 บาท ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ ไม่ต้องค้ำประกัน ผ่อนชำระวันละ 150 บาท 365 วัน เพื่อประกอบอาชีพ และหยุดวงจรหนี้นอกระบบ
2. Landbridge อ่าวไทย-อันดามัน ยกระดับการคมนาคมของประเทศไทย สู่การเป็นศูนย์กลางคมนาคมอาเซียน พัฒนาเศรษฐกิจทุกมิติ
3. รถเมล์ไฟฟ้า ลด Pm2.5 ค่าโดยสารเริ่มต้น 10 บาท สูงสุด 40บาท ทุกเที่ยว ทุกสาย ตลอดวัน
4. เพิ่มค่าตอบแทน อสม. เป็นเดือนละ 2,000 บาท เจ็บป่วยมีประกัน
5. ฟรีน้ำดื่มสะอาด ติดตั้งเครื่องกรองน้ำ ทุกหมู่บ้าน ลดค่าใช้จ่ายทุกครัวเรือน
6. ฟรีกองทุนประกันชีวิต 60 ปีขึ้นไป ตายได้ 100,000 บาท กู้ได้ 20,000 บาท ไม่ต้องมีค้ำประกัน
7. สร้างงานดี งานดี 10 ล้านตําแหน่ง เพิ่มอัตราการจ้างงาน สร้างแรงจูงใจ พัฒนาศักยภาพแรงงาน กองทุนท่องเที่ยว ชุมชนดี แหล่งท่องเที่ยวดี และผู้ประกอบการดี ด้วยกองทุน ท่องเที่ยว
8. พักหนี้ 3 ปี หยุดต้น ปลอดดอกเบี้ย คนละไม่เกิน 1 ล้านบาท
9. “เกษตรร่ำรวย” Contract Farming รู้ราคาก่อนปลูก รับเงินก่อนขาย เสียหายมีประกัน
10. เครื่องฉายรังสีรักษามะเร็ง ฟรี “ทุกจังหวัด” ศูนย์ฟอกไตฟรี “ทุกอำเภอ”
11. ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ฟรีหลังคาโซล่าเซลล์ ลดค่าไฟฟ้า หลังคาเรือนละ 450 บาท มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ผ่อน เดือนละ 100 บาท 60 งวด
สำหรับพรรคการเมืองที่จะโหวตสันบสนุนให้ นายอนุทิน ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกฯ คนที่ 32 นั้น ขณะนี้มีจำนวนผู้สนับสนุนทั้งหมด 140 เสียง แบ่งเป็น พรรคภูมิใจไทย 68 เสียง พรรคกล้าธรรม 25 เสียง พรรคพลังประชารัฐ 18 เสียง พรรครวมไทยสร้างชาติ (กลุ่มสุชาติ ชมกลิ่น) 16 เสียง พรรคไทยสร้างไทย 6 เสียง พรรคประชาธิปัตย์ 2 เสียง พรรคเป็นธรรม 1 เสียง และพรรคเล็กอีก 4 เสียง ทั้งนี้ยังไม่รวมกับของพรรคประชาชน ซึ่งมีอยู่ 143 เสียง แต่ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่า สุดท้ายแล้วพรรคประชาชนจะโหวตให้พรรคใด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง